คนขี้อาย จะขายของได้ไหม ไม่กล้าขายทำไงดี
มาเพิ่มความมั่นใจกันด้วย 3 คำถามง่ายๆกันครับ
เรื่องความกลัว ความขี้อาย เป็นเรื่องของ Inner Game จากภายในของเรา
อย่างผมเองก็เคยเป็นที่ขี้อายมาก ๆ มาก่อน
ย้อนกลับไปในช่วง ม.ต้น แค่ให้ไปซื้อข้าวกลางวันเองยังไม่กล้า (อาการหนัก)
แต่ผมก็ข้ามผ่านมันมาได้ กลายเป็นคนละคนจนถึงทุกวันนี้
เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยครับ หลาย ๆ คนเขาก็เป็นกัน
และคนอีกจำนวนไม่น้อยก็พัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้สำเร็จ
และสำหรับการขายยิ่งเป็นสิ่งที่ใครหลาย ๆ คนไม่กล้า
บางคนยอมไปโดดบันจี้จั๊มพ์ซะยังจะดีกว่าให้มาขายของ
ความกลัวเป็นเหมือนกำแพงเหล็กกล้าที่ขวางกั้นไม่ให้เราลองทำอะไรใหม่ ๆ
ปิดตายโอกาสที่จะประสบความสำเร็จอย่างน่าเสียดาย
แล้วเราจะเอาชนะความกลัว บำบัดความขี้อายในการขายได้ยังไง ?
ต่อให้เราได้รับแรงบันดาลใจจากกูรู , อ่านหนังสือ How to มามากมายแค่ไหนก็ตาม
สุดท้ายเราก็ต้องมาขัดสีความคิดเหล่านั้นภายในตัวเราอีกที
ดังนั้นจึงไม่มีวิธีการอะไรที่จะดีไปกว่าการตั้งคำถามกับตัวเอง
เพราะบางคำตอบทำให้เราได้เริ่มก้าวไปข้างหน้าเป็นก้าวแรก
แต่เป็นก้าวสำคัญที่เริ่มต้นเปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล
เพราะฉะนั้นลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ดูนะครับ
1) ถ้าเราขายไปแล้วมีใครเดือดร้อนไหม ?
ข้อนี้ผมว่า สำคัญมาก
เพราะไม่ว่าจะขายอะไรก็ตาม
นักขายที่ดีต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกค้าเสมอ
เราต้องทำการบ้านมาอย่างดีจนมั่นใจแล้วว่า
สินค้าแต่ละตัวที่เราขายเป็นสิ่งที่ดีสำหรับลูกค้าจริง ๆ
ไม่หลอกลวง ไม่ทำร้ายให้เขาต้องผิดหวัง
ถ้าสินค้าที่เราขายไม่ทำร้ายใคร ไม่ผิดต่อใคร
เราจะสบายใจในระดับหนึ่ง ว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเขาและเรา
2) ถ้าโดนปฏิเสธแล้วมันจะเป็นยังไง ?
ถ้าโดนปฏิเสธแล้วตายไหม ? จะมีใครมองเราไม่ดีหรือเปล่า ?
หรือเราแค่ผิดหวัง แต่ก็ยังหายใจเหมือนเดิม !?
นักขายที่เก่ง คือนักขายที่ฟื้นคืนชีพได้ไว
โดนปฏิเสธ ผิดหวัง แล้วสามารถเด้งกลับขึ้นมาภายในเสี้ยววินาที
แล้วพุ่งไปตั้งคำถามว่า “ต้องทำยังไงต่อไป ?”
แทนที่จะตั้งคำถามว่า “ทำไมขายไม่ได้วะ ?”
คำถามที่ต่างกัน The Next จะต่างกันมหาศาล
3) เราอยู่ตรงนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ?
นานเท่าไหร่แล้วที่เรามีชีวิตอยู่แบบนี้ ?
เราจอดแช่อยู่บนบันไดแห่งความสำเร็จขั้นนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ?
การผลัดวันประกันพรุ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของความสำเร็จ
เหมือนอย่างที่หนังสือ “Eat that frog” บอกเอาไว้ว่า
ให้รีบกินกบที่น่าเกลียดตัวนั้นซะ !!
คือทำในสิ่งที่ยากก่อน แล้วย่างอื่นมันจะง่ายเอง
บางคนไม่ได้เก่งไปกว่าเรา
แต่เขาขยันและกล้าที่จะฝ่ารั้วลวดหนามแห่งความกลัว
จนในที่สุดเขาก็เหยียบคันเร่งแซงหน้าเราไปไม่เห็นฝุ่น
ถึงเวลาได้ฤกษ์ที่จะก้าวเดินได้แล้วนะครับ
ถ้าไม่เดิน เอาแต่ชักขากลับเป็นสิบ ๆ รอบ หรือไปไม่สุด
เราก็ต้องจอดคาที่อยู่ตรงนี้แหละ !!!
แต่ชนิดที่ก้าวเดียวแล้วสำเร็จเลย มันก็คงจะไม่ขนาดนั้น
ต้องก้าวทีละก้าวอย่างต่อเนื่อง
“มันจะเป็นยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่าที่สุดแล้วฉันจะเคลื่อนไปข้างหน้า”
ถ้าไม่ให้อยากความกลัวบดบังความสำเร็จอีกต่อไป ก็ให้ถามตัวเองว่า
1. มันทำร้ายใครไหม ?
2. โดนปฏิเสธแล้วเป็นอะไรไหม ? พลาดแล้วตายไหม ? ถ้าไม่มีอะไรน่ากลัวขนาดนั้นก็ Just do it !!!
3. เราอยู่ตรงนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ? มันก็แค่ “ทำ” แล้ววันหนึ่งจะเสียดายว่า “ทำไมไม่ทำก่อนหน้านี้”
เลิกอาย กล้าขาย(มากขึ้น) เทคนิคเพิ่มความมั่นใจ
มาเพิ่มความมั่นใจกันด้วย 3 คำถามง่ายๆกันครับ
เรื่องความกลัว ความขี้อาย เป็นเรื่องของ Inner Game จากภายในของเรา
อย่างผมเองก็เคยเป็นที่ขี้อายมาก ๆ มาก่อน
ย้อนกลับไปในช่วง ม.ต้น แค่ให้ไปซื้อข้าวกลางวันเองยังไม่กล้า (อาการหนัก)
แต่ผมก็ข้ามผ่านมันมาได้ กลายเป็นคนละคนจนถึงทุกวันนี้
เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยครับ หลาย ๆ คนเขาก็เป็นกัน
และคนอีกจำนวนไม่น้อยก็พัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเองได้สำเร็จ
และสำหรับการขายยิ่งเป็นสิ่งที่ใครหลาย ๆ คนไม่กล้า
บางคนยอมไปโดดบันจี้จั๊มพ์ซะยังจะดีกว่าให้มาขายของ
ความกลัวเป็นเหมือนกำแพงเหล็กกล้าที่ขวางกั้นไม่ให้เราลองทำอะไรใหม่ ๆ
ปิดตายโอกาสที่จะประสบความสำเร็จอย่างน่าเสียดาย
แล้วเราจะเอาชนะความกลัว บำบัดความขี้อายในการขายได้ยังไง ?
ต่อให้เราได้รับแรงบันดาลใจจากกูรู , อ่านหนังสือ How to มามากมายแค่ไหนก็ตาม
สุดท้ายเราก็ต้องมาขัดสีความคิดเหล่านั้นภายในตัวเราอีกที
ดังนั้นจึงไม่มีวิธีการอะไรที่จะดีไปกว่าการตั้งคำถามกับตัวเอง
เพราะบางคำตอบทำให้เราได้เริ่มก้าวไปข้างหน้าเป็นก้าวแรก
แต่เป็นก้าวสำคัญที่เริ่มต้นเปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล
เพราะฉะนั้นลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ดูนะครับ
1) ถ้าเราขายไปแล้วมีใครเดือดร้อนไหม ?
ข้อนี้ผมว่า สำคัญมาก
เพราะไม่ว่าจะขายอะไรก็ตาม
นักขายที่ดีต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกค้าเสมอ
เราต้องทำการบ้านมาอย่างดีจนมั่นใจแล้วว่า
สินค้าแต่ละตัวที่เราขายเป็นสิ่งที่ดีสำหรับลูกค้าจริง ๆ
ไม่หลอกลวง ไม่ทำร้ายให้เขาต้องผิดหวัง
ถ้าสินค้าที่เราขายไม่ทำร้ายใคร ไม่ผิดต่อใคร
เราจะสบายใจในระดับหนึ่ง ว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเขาและเรา
2) ถ้าโดนปฏิเสธแล้วมันจะเป็นยังไง ?
ถ้าโดนปฏิเสธแล้วตายไหม ? จะมีใครมองเราไม่ดีหรือเปล่า ?
หรือเราแค่ผิดหวัง แต่ก็ยังหายใจเหมือนเดิม !?
นักขายที่เก่ง คือนักขายที่ฟื้นคืนชีพได้ไว
โดนปฏิเสธ ผิดหวัง แล้วสามารถเด้งกลับขึ้นมาภายในเสี้ยววินาที
แล้วพุ่งไปตั้งคำถามว่า “ต้องทำยังไงต่อไป ?”
แทนที่จะตั้งคำถามว่า “ทำไมขายไม่ได้วะ ?”
คำถามที่ต่างกัน The Next จะต่างกันมหาศาล
3) เราอยู่ตรงนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ?
นานเท่าไหร่แล้วที่เรามีชีวิตอยู่แบบนี้ ?
เราจอดแช่อยู่บนบันไดแห่งความสำเร็จขั้นนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ?
การผลัดวันประกันพรุ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของความสำเร็จ
เหมือนอย่างที่หนังสือ “Eat that frog” บอกเอาไว้ว่า
ให้รีบกินกบที่น่าเกลียดตัวนั้นซะ !!
คือทำในสิ่งที่ยากก่อน แล้วย่างอื่นมันจะง่ายเอง
บางคนไม่ได้เก่งไปกว่าเรา
แต่เขาขยันและกล้าที่จะฝ่ารั้วลวดหนามแห่งความกลัว
จนในที่สุดเขาก็เหยียบคันเร่งแซงหน้าเราไปไม่เห็นฝุ่น
ถึงเวลาได้ฤกษ์ที่จะก้าวเดินได้แล้วนะครับ
ถ้าไม่เดิน เอาแต่ชักขากลับเป็นสิบ ๆ รอบ หรือไปไม่สุด
เราก็ต้องจอดคาที่อยู่ตรงนี้แหละ !!!
แต่ชนิดที่ก้าวเดียวแล้วสำเร็จเลย มันก็คงจะไม่ขนาดนั้น
ต้องก้าวทีละก้าวอย่างต่อเนื่อง
“มันจะเป็นยังไงไม่รู้ รู้แต่ว่าที่สุดแล้วฉันจะเคลื่อนไปข้างหน้า”
ถ้าไม่ให้อยากความกลัวบดบังความสำเร็จอีกต่อไป ก็ให้ถามตัวเองว่า
1. มันทำร้ายใครไหม ?
2. โดนปฏิเสธแล้วเป็นอะไรไหม ? พลาดแล้วตายไหม ? ถ้าไม่มีอะไรน่ากลัวขนาดนั้นก็ Just do it !!!
3. เราอยู่ตรงนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ? มันก็แค่ “ทำ” แล้ววันหนึ่งจะเสียดายว่า “ทำไมไม่ทำก่อนหน้านี้”
เลิกอาย กล้าขาย(มากขึ้น) เทคนิคเพิ่มความมั่นใจ
