เทคนิคเทรนลูกทีมให้ปัง แม้ยัง Social Distancing
ผมเข้าใจดีเลยครับ
ว่าช่วงนี้จะจัดเทรนอะไรลูกทีม
ก็คงไม่สะดวกกันทั้งนั้น
แต่สำหรับแม่ทีมแล้ว
ยังไงก็ต้องประกบ เติมทักษะ
อัพศักยภาพลูกทีมให้สอดคล้อง
กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
Online Training จึงเป็นทางเลือก
ที่น่าเลือกที่สุดแล้วในเวลานี้
ซึ่งไม่ต้องกลัวว่ามันจะไม่ได้ผล
หรือคนเรียนจะได้ไม่เต็มร้อย
เพราะผมมีขั้นตอนง่าย ๆ
ในการเทรนลูกทีมผ่านทางออนไลน์
มาฝากแม่ทีมทั้งหลายกันครับ
1. เน้นสอนแบบ Live ไม่เน้นเรียนตามหลัง
การสอนแบบ Live
มักเอื้ออะไรให้มากกว่า
การเรียนจากวิดีโอที่บันทึกไว้
การเรียนรู้ที่ดีต้องมีการสื่อสาร
สองทางระหว่างกันเสมอ
แม้จะเห็นกันจากหน้าจอ
ไม่ได้เจอหน้ากันจริง ๆ ก็ตาม
เพราะนอกจากการ Live
จะทำให้ไม่น่าเบื่อ
หรือว่อกแว่กไปจากเนื้อหาแล้ว
คุณยังสร้าง Interaction
ให้ลูกทีมโต้ตอบ เพื่อดูได้ด้วย
ว่าเค้าตามทัน เข้าใจจริง ๆ หรือเปล่า
แล้วอีกอย่างนะครับ ส่วนใหญ่แล้ว
คนมักจะลืมตามเรียนทีหลัง
หรือไม่ก็ฟัง ๆ หยุด ๆ
ในขณะที่การ Live
จะหยุดให้เค้าจดจ่อ
อยู่กับคุณง่ายกว่าเยอะ
2. ล็อกวันเวลาที่คนส่วนใหญ่พร้อม
เพื่อจะได้มีคนเรียนพร้อมกัน
ให้ได้จำนวนเยอะที่สุด
ก็แนะนำว่าให้เปิดโหวตกันเลยครับ
โดยที่คุณต้องเลือกวัน เวลา
มาเป็น Choice ให้เค้าเลือก
สัก 2 – 3 อันก่อน
อย่าได้เปิดโหวตแบบเคว้ง
ไม่งั้นคนจัดเทรนปวดหัวแน่นอน
ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
ที่ทุกคนคงไม่สามารถ
ว่างพร้อมกันได้ครบทั้งหมด
แต่ขอแค่คนส่วนใหญ่สะดวกตรงกัน
หรือลงความเห็นกันว่าเอาวันนี้แหละ
ส่วนคนที่เหลือก็ถือว่าสุดวิสัย
ให้เค้าตามเรียนทีหลัง
สักจำนวนนิดหน่อยก็ยังโอเคครับ
3. ต้องมี Workshop ประกบเนื้อหา
อย่างที่บอกไปครับ
ว่าเราต้องสื่อสารกับผู้เรียน
อยู่ตลอดเวลา
อย่าให้ลูกทีมแค่นั่งฟังเฉย ๆ
หรือจดตามไปเรื่อย ๆ
ยังไงก็ต้องให้ทุกคนมีส่วนร่วม
เพื่อ get สิ่งที่เพิ่งเรียนสด ๆ ร้อน ๆ
ดังนั้นเค้าถึงได้มีสิ่งที่เรียกว่า
“Workshop” ยังไงล่ะครับ
อาจเป็น Section นึงที่เปิดไว้
สำหรับ Workshop โดยเฉพาะ
หรืออาศัยช่วงเบรกพักครึ่ง
เพื่อไม่เสียเวลา ก็เลือกได้ตาม
ความเหมาะสมเลยครับ
4. เปิดช่วง Q&A ตบท้าย
สิ่งที่วัดผลได้ว่าการเทรนนั้น
มันเวิร์คหรือไม่ได้ผล
ก็คือ “ความเข้าใจ” ที่ลูกทีมได้รับ
ซึ่งในบางครั้งเค้าอาจยัง
เข้าใจไม่เคลียร์
บางเรื่องอาจมีแง่มุม
ที่เค้ายังข้องใจอยู่
การปล่อยให้ค้างเติ่งไว้
จะทำให้เค้าเอาความรู้ใหม่
ไปใช้ได้ไม่เต็มที่
จึงควรเปิดช่วงพิเศษ
ให้ถามและตอบกันปิดท้าย
หรือไม่ก็เปิดกระทู้รวบรวมคำถาม
แล้วจัด Section มาตอบให้เป็นพิเศษ
ซึ่งจะว่าไปการจัดออนไลน์
ก็เอื้อให้เก็บตกรายละเอียดตรงนี้
ได้ดีกว่าเทรนนิ่งปกติที่มีเวลาจำกัดนะครับ
5. ต้องส่งการบ้าน + รางวัลจูงใจ
การนั่งฟัง นั่งจด นั่งทำ Workshop
แม้จะทำให้ดูดซึมได้ดีระดับหนึ่ง
แต่ไม่ว่ายังไง
การกลับไป ‘ลงมือทำจริง’
จะเป็นสิ่งที่ทำให้เข้าใจ
และจดจำได้ที่สุดเสมอ
คลาสของคุณจึงจะไม่จบง่าย ๆ
เพียงแค่ดับกล้อง ปิดหน้าจอ
ต้องให้ลูกทีมเอาไปต่อยอด
เอาทุกอย่างที่ได้รับมารวมกัน
กลับไปทำเป็นการบ้าน
แล้วเอามาส่งเพื่อดูผลลัพธ์
โดยมีอะไรบางอย่างเป็นรางวัล
สำหรับคนที่ทำออกมาได้ดีเยี่ยมที่สุด
เพราะเค้าจะไม่ได้แค่มีการบ้านมาส่ง
แต่ยังตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่ด้วย
นี่แหละครับถึงจะวางใจได้มากที่สุด
ว่าสิ่งที่สอนไปนั้น เค้าเอาไปใช้เป็นจริง ๆ
เค้าได้ผลจากมันจริง ๆ
แม้การเทรนออนไลน์
อาจมีบริบทที่ต่างไป
จากออฟไลน์
แต่ถ้าปรับวิธีสอนให้เข้ากับ
พฤติกรรมการเรียนแบบนี้ได้
คุณจะได้ประโยชน์
ในแบบที่ออฟไลน์
ให้ไม่ได้อีกหลายอย่าง
ทั้งเรื่องเวลา ค่าใช้จ่าย
จนน่าเอามาใช้เป็น Way หลัก
ในการสอนลูกทีมเลยล่ะครับ