ทุกครั้งที่เราตั้งใจสอนคน
เทรนทักษะให้ลูกทีม
ถ่ายทอดวิชาให้ลูกศิษย์
มันไม่มีอะไรน่าชื่นใจไปกว่า
การที่ได้เห็น “ผลลัพธ์”
ของเค้าอีกแล้วล่ะครับ
ซึ่งมันอาจจะเป็นการเบรกกันนิดนึง
ถ้าผมจะบอกความเป็นจริงว่า…
ไม่ใช่ทุกการสอน ทุกการเทรน
หรือทุกการถ่ายทอด
ที่จะเกิดผลลัพธ์
ได้แบบชัดเจนเสมอไป
เพราะนอกจากความรู้
นอกจาก Course Outline
และสไลด์ที่จัดเตรียมแล้ว
สิ่งเหล่านี้ยังจำเป็นต้อง
อาศัย “เทคนิค” บางอย่าง
เป็นพาหนะที่จะพา
สิ่งที่คุณสอน
ไปฝังลึกใน Mindset
ดูดซึมสู่ทักษะของเค้าได้
เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อลังการ
ที่เราต่างก็อยากเห็น
ผมจึงขอหยิบเอาเทคนิคที่ว่า
มาแชร์ให้ฟังถึง 5 อย่างดังนี้ครับ
1. ตัวอย่างนำ + ตามด้วยหลักการ
แม้หลักการจะเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ
แต่ไม่มีทางที่เค้าจะเข้าใจได้
ถ้าคุณไม่มีตัวอย่างมายกให้เค้าดู
อาจเป็น Case ดี ๆ ที่คุณเจอมา
หรืออาจเป็นประสบการณ์ตรง
ของคุณเองเลยก็ได้
เอาสิ่งนี้มาเป็นตัวเปิดนำ
ให้เค้าเห็นภาพจนร้อง “อ๋อ”
แล้วค่อยอธิบายหลักการ
ประกอบให้เข้าใจที่มาที่ไป
ไม่ว่าใครก็ตามทัน
เข้าใจได้ในทันที
แถมจำขึ้นใจด้วยครับ
เพราะ Story มักสร้าง
การจดจำได้ฝังลึกเสมอ
2. ลองลงมือ คือประสบการณ์
แม้ตัวอย่างของคนอื่น
ตัวอย่างของคุณ
จะทำให้ลูกทีมเห็นภาพ
แต่ประสบการณ์
ของเค้าเองนั่นแหละ
จะทำให้เค้า ‘เบิกเนตร’
ดังนั้นการมี Workshop
ลงมือภาคปฏิบัติให้ลองทำ
ในห้องเรียน
แทบจะเป็นกระดูกสันหลัง
ที่ห้ามขาดในการสอนคน
เพราะถึงยังไง...
“ประสบการณ์มือสอง”
ก็ไม่เท่า “ประสบการณ์ตรง”
ของเค้าเองแน่นอนครับ
3. สรุปย้ำให้จำแม่น
เมื่อคุณให้ตัวอย่างที่เห็นภาพ
อธิบายหลักการอย่างเข้าใจ
และให้ลองลงมือทำด้วยตัวเองแล้ว
ก็ต้องตอกย้ำด้วยการสรุป
ที่โยง Mind Map ทุกอย่าง
จนเชื่อมเห็นเป็น
แผนภาพใหญ่ในใจได้
เพราะแต่ละครั้ง
ความรู้ที่คุณอัดให้
วิชาที่เค้าได้รับ
มันก็คงไม่ใช่น้อย ๆ
ใช่ไหมล่ะครับ ?
แม้จะย่อยมาให้แล้วแค่ไหน
แต่ด้วยปริมาณที่ไม่น้อย
เค้ายังต้องการ
การสรุปที่เห็นทั้งหมด
จากมุม Bird Eye View อยู่ดี
ไม่อย่างงั้นทุกอย่าง
กระจัดจายไปหมดแน่ครับ
4. ให้เสียงสะท้อนย้อนกลับ
เพื่อความชัวร์ว่าเค้าเข้าใจทั้งหมด
หรือตกหล่นตรงไหนไปบ้าง
ควรให้เค้าออกมาสรุป
สิ่งที่ได้เรียนรู้มาตลอด Section
นี่จะเป็นการให้เค้าทบทวนตัวเอง
ก่อนก้าวพ้นประตูห้องเรียนไป
คุณจะได้เห็นภาพ Blueprint
ที่เกิดขึ้นในหัวของเค้า
พร้อมเติมสิ่งที่ขาดไป
ให้ครบมากขึ้นได้
และถ้าไม่ทำขั้นตอนนี้
คงยากทีเดียวที่คุณจะรู้ได้
ว่าลูกทีมเข้าใจทั้งหมด
จริง ๆ หรือเปล่า
เพื่อให้ทุกสิ่งที่คุณทำมา
ไม่เสียเปล่าด้วยครับ
5. ออกไปเลอะด้วยตัวเอง
ก็ถือว่าเป็นขั้นสุด
ของการเรียนรู้แล้วล่ะครับ
เพราะการออกไปลุยสนามจริง
เค้าจะได้เจอปัจจัยอื่น
ที่แตกต่างจากใน Workshop
อีกมหาศาล
ซึ่งถ้าคุณไม่ได้ตั้งไว้เป็นการบ้าน
เพื่อให้เค้าเอามาส่ง
ก็ยากมากที่คุณจะได้รู้ว่า
เรียนจบไปแล้ว
เค้าเอาไปทำหรือเปล่า
แล้วยังให้คำแนะนำกันต่อได้
เพื่อพัฒนาก้าวข้ามได้ไกลกว่าเดิม
เพราะแม้จะเรียนมาสิบกว่าสำนัก
ลงมาแล้วร้อยกว่าคอร์ส
แต่ “การลงมือทำ” นี่แหละ
คือตัวเปลี่ยนผลลัพธ์ที่แท้จริง
……………………
เพราะการส่งมอบความรู้ดี ๆ
ต้องมาพร้อมเทคนิคด้วยเสมอ
เพื่อไม่ให้สิ่งที่คุณตั้งใจทุ่มเท
กลายเป็นหมัน
ผมจึงอยากให้ผู้นำทีม
หรือคนที่ต้องคอยโค้ชชิ่ง
นำเทคนิคทั้ง 5 นี้ไปใช้
เพื่อผลลัพธ์การสอนที่คุ้มค่า
และทำให้คุณรู้สึกหายเหนื่อยครับ