สำหรับมือใหม่ที่สมัครเข้ามาใช้
Google Keyword Planner ครั้งแรก
จะมีหน้าตาโปรแกรมที่เป็นแบบดั้งเดิม
และใช้งานได้ฟรีแต่จะไม่เหมาะกับธุรกิจ
ที่มีสเกลใหญ่เพราะบางฟีเจอร์
ที่สามารถใช้เจาะดูข้อมูลได้แบบลงดีเทลสุดๆ
จะไม่มีให้ใช้ฟรีนะฮะ
โปรแกรมแบบไม่ซื้อโฆษณา...
เมื่อสมัครบัญชี Google Ads เข้ามาแล้วสำหรับมือใหม่
ที่ยังไม่เคยซื้อโฆษณามาก่อนจะมีหน้าตาโปรแกรม
และการใช้งานที่ต่างจากการซื้อโฆษณาโดย
>สิ่งแรกที่แตกต่างชัดเจนคืออัตราการค้นหาเฉลี่ย
ซึ่งถ้าเป็นบัญชีแบบไม่ซื้อโฆษณาจะบอกตัวเลขแบบเป็นช่วง
เช่น คุณใส่คีย์เวิร์ด “ครีมกันแดด”
ลงไปเพื่อที่จะดูอัตราเฉลี่ย
ระบบแบบไม่ซื้อโฆษณาจะแสดงผล
ว่าอยู่ในช่วง 1,000-10,000 ครั้ง
แต่ที่หน้าแสดงผลของ “แบบซื้อโฆษณา”
จะบอกตัวเลขได้เจาะจงว่าครีมกันแดด
มีอัตราการค้นหาเฉลี่ยอยู่ที่ 6,000 ครั้ง
และยังบอกระดับการแข่งขัน
ให้ด้วยว่าสูงหรือต่ำนั่นนั้นเองครับ
>สิ่งที่สองคือการ Breakdown
แตกข้อมูลให้เห็นจะจะประหยัดค่า Ads ไปอีกขั้น
ข้อมูลแบบแพลตฟอร์มและโลเกชัน
แน่นอนครับว่าเทคนิคดูข้อมูลขั้นสูง
นั้นจะไม่สามารถทำได้กับบัญชีปกติ
ความต่างของบัญชีที่ซื้อโฆษณาจะมีชาร์ต
และกราฟ ให้เข้ามาดูได้หรือแก้ไขได้ตลอดเวลา
ซึ่งข้อดีของ “Breakdown
ข้อมูลลงบนแพลตฟอร์มกับโลเกชัน” นั้น
สามารถส่องดูข้อมูลของ User
ที่เข้ามาค้นหาคีย์เวิร์ดคำนั้นได้อย่างแม่นๆ
เช่น คำว่า “เซรั่มแก้ฝ้า”
เมื่อสามารถ Breakdown ได้โดยแพลตฟอร์ม
และโลเกชันคุณก็จะทราบข้อมูลของคำว่า
“เซรั่มแก้ฝ้า” ว่าในประเทศไทย
แบ่งเป็นการค้นหาผ่าน
Mobile 76%,Tablet 46%
และ Desktop 20%
ข้อดีของข้อมูลจาก Breakdown สามารถทำให้คุณ
โฟกัสการ Optimize งบที่จะใช้ลงไปโฆษณา
ที่ Landing Page ประเภทไหนถึงจะคุ้มที่สุด
นั้นก็สรุปได้ว่า คุณควรจะลงงบ
ไปที่ Landing Page ประเภท Mobile
มากกว่า Desktop เพราะมีอัตราการ
ค้นหาอยู่ที่แพลตฟอร์มนี้สูงกว่าที่อื่นนั้นเองฮะ
#หมอกิม