เดี๋ยวนี้เวลานั่งเลื่อนหน้าจอ สอดส่องความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊ก
นอกจากจะส่องเพื่อน อ่านเพจ และเสพโฆษณาแล้ว ยังสังเกตเห็นเหมือนผมไหมครับ…
ผมได้เห็น blogger, เจ้าของแบรนด์ แม่ค้าออนไลน์, แม่ทีม ออกมาให้ข้อคิด แรงบันดาลใจ
ให้เทคนิคการขาย ช่วยกันปรับ Mindset ให้เพื่อนบ้านในเฟซบุ๊ก คำถามคือ เค้าทำกันไปทำไม ?
“Personal Brand” คือ ‘คำตอบ’
บนยอดเขา ที่ใครต่อใครกำลังปีนอยู่ครับ เพราะการสร้างตัวตน กระทั่งมีคนตามเกาะติดเป็นฐานแฟน
จนมีให้เห็นกันถึงหลักหมื่น-แสน มันให้อะไรที่หอมหวานมากกว่าการเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาอัดขายของอย่างเดียว
อย่าง Youtuber บางราย รับรายได้จาก Sponsor คลิปหนึ่งเป็นหลักแสนบาท…
เพราะเมื่อมีคนรู้จัก และได้รับการยอมรับ จนใครต่อใครต่างกด Subscribe Like แฟนเพจ เราจึงมีพลัง
ส่วนแม่ทีม-เจ้าของแบรนด์ ก็มีคนต่อแถวสมัครเป็นตัวแทน
เป็นแฟนพันธุ์แท้ที่เหนียวแน่นติดหนึบ ไม่แพ้กาวตราช้างกลางแดดจัด
ข้อดีในระยะยาวมันมากขนาดนี้
แล้วถ้าเราอยากจะสร้าง Personal Brand จนติดขึ้นมาบ้าง จะต้องมีแนวทางยังไง
ผมขอให้ไว้ 3 ข้อดังนี้ครับ
1) ค้นหา ‘ตัวเอง ณ ปัจจุบัน’ ให้เจอ
“การค้นหาตัวตน” ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะมาคิดแทนเราได้
เราชอบอะไร ? เราเก่งอะไร ? เหมาะจะพรีเซนต์อะไรมากที่สุด ?
เพราะไม่มีใครเล่าเรื่องของเรา ได้ดีไปกว่าตัวเราเองอีกแล้ว
เรามักจะเอาเวลาในการตามหาตัวเอง ไปค้นคว้า ‘คนอื่น’
แต่น้อยครั้งที่จะสละเวลามาตามหาเบาะแส ‘ตัวตน’ ที่โดดเด่น...
แต่ถ้าคุณอยากค้นหาตัวเองอย่างจริงจัง
ผมขอแนะนำวิธีที่เรียบง่าย ในการสังเกตตัวเองจาก 2 สิ่งนี้ดูครับ
- ตามหาเรื่องที่เราชอบเป็นพิเศษ
ในเวลาทั้งชีวิตที่ผ่านมา มันต้องมีอย่างน้อยสัก 1 เรื่อง
ที่เราหมกมุ่นจนไม่ลืมหูลืมตา ทำได้ง่าย
และยังไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ลองสังเกตตัวเองดูดี ๆ
ว่าอะไรที่ทำแล้วชอบ ? อะไรที่ทำแล้วมีความสุข ?
ถ้าไร้ซึ่งคำตอบกับตัวเอง อาจเป็นเพราะ...
เรายังลองละเลงอะไรในโลกนี้ไม่มากพอครับ
‘จงทดลอง จนได้พบเจอสิ่งที่ชอบ’
- ตามหาเรื่องไหนที่คนชื่นชมเป็นพิเศษ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำอะไรได้ดีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบหรอกครับ
บางคนอาจไม่เอาไหนในการวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจ
แต่กลับเป็น Expert อย่างสุดขีดทางด้านการพูดและการสอน
ฉะนั้น ถ้าเรื่องไหนมีคนชมเราเป็นส่วนใหญ่
ให้หยิบปากกาไฮไลต์มาขีดเรื่องนั้นไว้ได้เลยครับ !...
ลองนึกภาพดูนะครับ
ถ้าเราเลือกทำเลเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด เลียบ “ป่าช้า” แบบเงียบ ๆ
ใครที่ไหนจะมากินร้านเรา? มันไม่ใช่ย่านที่คนเดินผ่าน
แถมยังไม่มีการประกาศบอกคนอื่นอีก เราได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของป่าช้าแน่นอนครับ…
หลายคนมีความสามารถ ที่เห็นแล้วแทบต้องก้มลงกราบ
แต่อนิจจาปลาทูเน่า น่าเสียดายที่ไม่เคยประกาศออกไปให้โลกรู้
ไม่เปิดสาธารณะ ไม่มี Engagement แล้วใครจะมาช่วยแชร์ความสามารถของเราออกไป
Personal Brand เกิดจากเรา แต่จะติดในใจของลูกค้า
การสร้างตัวตนให้คนจดจำ ต้องเริ่มจากทำให้คน ‘เห็น’ ก่อน
ไม่ต้องไปกลัว - คิดมากว่าจะทำอะไรผิดพลาดในช่วงแรกมากนักเลยครับ
เพราะตราบใดที่เรายังไม่ใช่คนดัง ก็ยังไม่มีใครเข้ามาสนใจเราเท่าไหร่หรอกฮะ…
อย่ามัวแต่เหนียมอาย บิดตัวอยู่หน้ากล้อง ลองออกมาให้คนได้รู้จักเราบ้าง
แม้ว่าบางที... สังคมรอบข้างของใครหลาย ๆ คน อาจไม่เอื้อต่อการออกมาสร้างตัวตน
แต่คุณก็มีอยู่ 3 ทางเลือกครับ
- A) ไม่ต้องใส่ใจ ไม่ต้องไปแคร์คำของคนที่ไม่เข้าใจเรา
- B) เปลี่ยนเฟซบุ๊กใหม่ให้รู้แล้วรู้รอด แล้วเลือกแอดเฉพาะคนที่มีความสนใจเหมือนเรา
- C) เลิกสร้างตัวตนมันไปซะเลย อยู่แบบเดิมแบบเงียบ ๆ
เอาเป็นว่า... อยากจะเลือกแบบไหน ก็ถามใจตัวเองดูแล้วกันนะฮะ…
มือใหม่สร้างตัวตนบางคนอาจจะโวยวายว่า ก็ทำตามหลักการแล้วนะ
“ทำไมไม่เห็นผลอะไรเลย ?”
มันก็แน่ละครับ ! บางคนโพสต์รอบเดียวจบ หวังว่านี่จะเป็น ‘บทความเปลี่ยนชีวิต’
จากนั้นปล่อยเพจทิ้งร้างเอาไว้แล้วหายไป 2 ภพ1 อสงไขย แล้วค่อยกลับมาโพสต์อีกที
มันคงจะมีคนรอติดตามอยู่หรอกนะฮะ
จากประสบการณ์ในการทำ Personal Brand ของตัวเองและเป็นที่ปรึกษามา
ถ้าเราทำอย่างจริงจังสม่ำเสมอ อย่างน้อย 4-5 เดือน นั่นแหละครับ
มันถึงจะเริ่มเห็นผล ‘คนที่ติดตาม จะเริ่มเคลื่อนตามเรา’
(คนที่จับทางถูกหรือต้นทุนดี อาจจะเห็นผลใน 2 เดือนแรก)
ทำในเดือนแรกปริมาณ Feedback อาจจะดูงอกง่อยหอยกาบ
มันก็ต้องค่อย ๆ ปั้นกันไปเรื่อย ๆ เพราะ “Personal Brand” นั้นไม่ใช่ทางลัดในระยะสั้น
แต่มันเป็นการสร้าง Motor Way ในระยะยาว
เราอาจเคยเห็นบางคน Viral แจ้งเกิดในชั่วข้ามคืน แต่แล้วพอตื่นมาอีกวันก็หายสาบสูญไปจากวงโคจร
ซึ่งมันก็ไม่ผิดนะ ถ้าเราคิดจะ Viral บ้าง แต่ต้องถามตัวเองว่า
เรามีแผนอะไรที่จะคว้ากระแสไว้ให้คนติดตามต่อไปได้หรือเปล่า ?
ดังนั้น ในยุคที่ผู้คนออกมาสร้างตัวตนกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
การสร้างในวันนี้จึงมีความยากขึ้นกว่าเมื่อวาน แล้วถ้าเรายังมัวรอไปสร้างในวันพรุ่งนี้
มันจะยิ่งทวีความยากขึ้นอีกแค่ไหน ?...
เพราะฉะนั้น ลงมือทำเลยครับ แล้ว
‘ชื่อของเรา’ มันจะเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดชิ้นหนึ่งอย่างแน่นอนครับ