3 วิธีโชว์รูปสินค้า นำเสนอกระแทกตา ลูกค้าเห็นเป็นโดน

คุณอาจเคยได้ยินจนหูชามาแล้วว่า คอนเทนต์ “รูปภาพ” ทำให้คนหยุดดูเป็นอันดับแรก

Blog Detail

3 วิธีโชว์รูปสินค้า นำเสนอกระแทกตา ลูกค้าเห็นเป็นโดน 


คุณอาจเคยได้ยินจนหูชามาแล้วว่า

คอนเทนต์ “รูปภาพ” 

ทำให้คนหยุดดูเป็นอันดับแรก


แม้เค้าจะบอกอย่างนั้น 

ก็ไม่ได้หมายความว่า

จะเป็นรูปอะไรก็ได้

แบบไหนก็ได้หรอกนะครับ


เพราะถ้าหลัก ๆ แล้ว

ภาพที่คุณบรรจงกดชัตเตอร์ออกมา

ไม่ได้นำเสนอถึงแง่มุมเหล่านี้เลย


ผมว่าคุณกำลังพลาดส่วนสำคัญ

ที่ลูกค้าอยากเห็นไปพอสมควร


ดังนั้นถ้าไม่อยากนำเสนอพลาด 

เราไปดูทีละจุดกันครับ


1. รอบด้าน 360 องศา


ก่อนลูกค้าจะควักเงินจ่าย

เค้าอยากเห็นภาพสินค้าชัด ๆ


มากกว่านั่งเพ่งแพ็กเกจจิ้ง

แล้วหลับตามโนทางในเอาเอง


ดังนั้นถ้าสินค้าของคุณ

ไม่ได้ขายที่ตัวแพ็กเกจเป็นหลัก

ก็จงแกะมันออกมาเถอะครับ


แล้วเอามาพลิก เอามาหัน

ให้ลูกค้าได้เห็นด้านต่าง ๆ


ว่าบนหน้าตามันเป็นยังไง ?

พื้นด้านล่างเป็นแบบไหน ?

รองตรงฐานด้วยวัสดุอะไร ?


มันมีอะไรซ่อนอยู่ด้านซ้าย ?

หรือปักอะไรเพิ่มที่ด้านขวา ? 

ด้านหลังเป็นแบบเรียบ ๆ หรือเปล่า ?


มองไปรอบ ๆ ด้านนอกโดยรวม 

แล้วก็ยังเห็นด้านในว่าเป็นแบบไหน ?

มันใส่อะไรไว้ข้างในบ้าง ?

มีช่องใส่ของเยอะไหม ?


แค่ได้เห็น 360 องศารอบด้าน

บางทีลูกค้าอาจตัดสินใจ 

ไปได้ 50% แล้วนะครับ 


ที่เหลือก็อาจขอดู Detail

ในระยะใกล้อีกสักหน่อย


2. ซูมเจาะระดับ Macro


คุณภาพที่สมราคา หรือยิ่งเกินราคาได้ 

มักเป็นปัจจัยแห่งการตัดสินใจเสมอ


ภาพที่ซูมเจาะลงไปให้เห็น

ใกล้ ๆ ชัด ๆ ถึงรายละเอียดต่าง ๆ

จะแสดงให้เห็นคุณภาพนั้นครับ


เพราะลูกค้าจะได้เห็นถึง...


“สี” ถ้าได้มาแล้วตรงปก

มันคงจะเข้าชุดกับอย่างอื่นได้


หรือไม่ก็โทนนั้นตรงตาม

สไตล์ในแบบที่ลูกค้าชอบ


ไม่ก็เอามาใส่ เอามาใช้

แล้วน่าจะขึ้น หรือขับผิวได้ดี


“พื้นผิว” ของวัสดุ

เป็นของดี มีเกรดสูง สมราคา

ดูดี ดูแล้วน่าจะใช้ได้นาน


“ความประณีต” 

การตัดเย็บ เข้ามุมเรียบร้อย

งานดี งานละเอียดแค่ไหน ?


ทำออกมาด้วยฝีมือที่ดี

และความใส่ใจแค่ไหน ?


3. รวมมิตรเทียบให้เห็น


ถ้าสินค้าของคุณมีเป็นเซ็ต มีหลากสี

หรือมีหลายรุ่น หลาย Series 



การเอามันมารวมให้เห็นเป็นเซ็ตใหญ่

จะยิ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจได้มากขึ้น


ลูกค้าจะเห็นภาพรวมว่า...


อะไร ใช้กับอะไรได้บ้าง ?

สีไหน ใช้กับสินไหนได้บ้าง ?


สินค้ามีหน้าตาแบบไหนที่ถูกใจบ้าง ?

สินค้ามีสีไหน ขนาดเท่าไหร่ให้เลือกบ้าง ?


แล้วถ้าบวกกับการขายเป็นเซ็ตเข้าไปด้วย 

ก็ยิ่งบันเทิงเลยล่ะครับทีนี้


อันที่จริงยังมี Detail ของแต่ละสินค้า

ที่มีจุดต่าง ๆ เฉพาะลงไปลึก ๆ กว่านี้อีก


อย่างเช่น หลักการนำเสนอรูปสินค้าอาหาร

หลักการนำเสนอสินค้าแฟชั่น


หรือแม้แต่การนำเสนอสินค้าความงาม

ที่ต้องไปว่ากันเป็นเรื่อง ๆ ไป


แต่เพียงเท่านี้คุณก็น่าจะได้อะไร

ให้หันกลับไปมองสินค้าข้างตัวได้


จากนั้นลองดูครับ ว่าจะพลิก จะหัน

จะซูม หรือเทียบสีสันยังไงได้บ้าง


เพื่อให้ลูกค้าเห็นสินค้าคุณแล้ว

ตัดสินใจควักกระเป๋าซื้อง่ายขึ้น