ตัวแทนบางคนก็ดูย้อนแย้ง
ในตัวเองนะครับ
ที่ปากบอกว่า
อยากสร้างธุรกิจของตัวเอง
แต่ก็ยังรอให้แบรนด์
ทำนู่นทำนี่ให้อย่างเดียวตลอด
รอให้แบรนด์ทำการตลาดให้
รอให้แบรนด์ทำคอนเทนต์
และยิงโฆษณาหาลูกค้าให้
และอีกหลาย ๆ อย่างที่เอาแต่รอ
ที่ผมจะบอกก็คือ...
ขึ้นชื่อว่า “ธุรกิจ” นั้น มันเหมาะกับ
คนที่ Active จริง ๆ เท่านั้นแหละครับ
ถึงจะประสบความสำเร็จ
ดังนั้นแม้คุณจะเป็นตัวแทน
แต่ก็เป็นคนทำธุรกิจด้วยตัวเอง
ก็ต้องกระตือรือร้นรับผิดชอบ
หน้าที่ของเจ้าของธุรกิจไม่ต่างกัน
ต้องลุกขึ้นมาสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง
อย่างน้อยที่สุด 4 อย่างนี้ครับ
1. ทำคอนเทนต์ใช้เอง
จริงอยู่ที่ทางแบรนด์ของคุณ
เค้าก็มีคอนเทนต์
ทำตัวโฆษณาออกมาอยู่แล้ว
แต่ถ้าคอนเทนต์ของตัวแทนทุกคน
เหมือนกันหมดเป๊ะ
แล้วทำไมลูกค้าต้องมาซื้อกับคุณ ?
ตัวแทนที่ Active ผมเห็นเค้า
สร้างคอนเทนต์ใหม่ขึ้นมาใช้เอง
คอนเทนต์ที่ผ่านการคิดมาแล้วว่า...
Create วิธีการนำเสนอยังไง
ที่ลูกค้าจะสนใจติดตาม
อะไรคือจุดประสงค์ปลายทาง
ที่ลูกค้าต้องการจากสินค้า
พูดถึงเรื่องไหน จี้ที่จุดไหน
โดนต่อมตัดสินใจลูกค้าดีนักแหละ
ซึ่งในบางครั้งก็นำเสนอมาในมุม
ที่ต่างจากทางแบรนด์ทำออกมา
หรือที่เพื่อนตัวแทนคนอื่นเค้าตีโจทย์
ก็สร้างความแตกต่างเฉพาะตัว
ที่ลูกค้าจดจำและอยากติดตาม
ไม่ใช่พอผมพูดอย่างงี้ก็เลยไป Copy
ของเค้ามาใช้ซะเลยล่ะครับ
การทำแบบนั้นคุณก็อาจจะได้
คอนเทนต์ของเค้ามาใช้ชั่วคราว
แต่ไม่ได้วิธีที่จะคิดได้เองแบบเค้า
ไปด้วยหรอกนะครับ เชื่อผมสิ
2. ถ่ายรูปใช้เอง
คงไม่มีใครคาบกล้องถ่ายรูปทองคำ
ออกมาจากท้องแม่กันหรอกครับ
ทุกคนล้วนต้องมาฝึกฝนกันทั้งนั้น
คุณก็คงเคยเห็นใช่ไหมล่ะครับ
คอนเทนต์ขายของตัวแทนบางคน
ทำไมรูปของเค้า
ถึงไม่เหมือนของแบรนด์
หรือที่คนอื่นเอามาใช้เลย
ซึ่งมันทำให้เค้าถือครอง
“ความได้เปรียบ”
เหนือคนอื่น ๆ ก็ตรงที่...
ได้เรียนรู้ว่า รูปขายสินค้า
ไม่จำเป็นต้องเอาแพ็กเกจจิ้ง
มาตั้งถ่ายอย่างเดียว
ได้เรียนรู้ว่า ลูกค้าไม่ได้เชื่อ
ในรูปถ่ายที่ดู Perfect เกินไป
ได้เรียนรู้ว่า รูปที่ดู Real นี่แหละ
ทำให้ลูกค้าทักมาเพียบเลย
ซึ่งเมื่อคุณฝึกถ่ายเองได้
นำเสนอจุดขายให้ ‘น่าซื้อ’
ผ่านรูปภาพเป็น
มันจะช่วยดึงความโดดเด่น
ของคอนเทนต์คุณ
ของ Ad โฆษณาคุณ
ขึ้นมาเหนือฝูงชนเลยล่ะครับ
3. สะสมรีวิวของตัวเอง
เมื่อถึงจุดที่คุณมีฐานลูกค้าของตัวเอง
ก็ควรใส่ใจตามเก็บผลลัพธ์
ที่เกิดขึ้นกับพวกเค้าด้วยครับ
เพราะมันเป็นสิ่งที่บอกเล่าถึง
“Success Story”
ที่คุณเคยทำให้กับลูกค้าได้จริง
มานักต่อนักแล้ว
และมันก็เป็นสิ่งที่ลูกค้าใหม่ของคุณ
อยากรู้อยากเห็นมากที่สุดด้วย
ซึ่ง “รีวิว” นั้น นอกจากจะบอกถึง
ผลลัพธ์จากการใช้สินค้าแล้ว
ก็ยังบอกถึง ความรู้สึก ความประทับใจ
ของลูกค้าที่ได้รับบริการจากคุณด้วย
นั่นจะยิ่งช่วยเสริมความมั่นใจ
ให้ลูกค้าใหม่กล้าลองก้าว
เข้ามาหาคุณมากขึ้น
ซึ่งถ้าอันนี้ยังไปลอกเพื่อนมาอีก
มันก็ดูแปลกเต็มทีแล้วนะครับ
แล้วอย่างงี้ ลูกค้าจะเชื่อคุณ
ได้จริง ๆ เหรอ ?
4. สร้าง Value ของตัวเอง
คำว่า “Value” ในที่นี้
เป็นสิ่งที่สะท้อนเฉพาะตัว
ของใครของมันจริง ๆ ครับ
มันหมายถึง “คุณค่า” ที่คุณ
หยิบยื่นให้กับลูกค้าทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นการให้คอนเทนต์
ที่เป็นประโยชน์กับเค้า
ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษา
ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าแบบหมดเปลือก
ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการหลังการขาย
ที่ช่วยอำนวยความสะดวก
ได้น่าประทับใจสุด ๆ
ทุกอย่างที่คุณทำทั้งหมด
จะประกอบร่างกันขึ้นมา
กลายเป็น “แบรนด์” ของร้าน
และของตัวคุณในที่สุด
“แบรนด์” ที่ไม่ได้เป็นแค่ชื่อคุณ
“แบรนด์” ที่ไม่ได้เป็นแค่โลโก้ร้าน
“แบรนด์” ที่ไม่ได้เป็นแค่สโลแกน
แต่เป็น “ภาพจำ” ในใจของลูกค้า
เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าอยากจะติดตามคุณ
อยากจะซื้อกับคุณมากที่สุด
มันคือ “จุดเด่น”
ที่ใครก็ลอกกันไม่ได้ทั้งนั้นครับ
..............................
แม้แบรนด์ที่คุณเป็นตัวแทนอยู่
จะเป็นแบรนด์ที่ ‘แข็ง’
แต่คำถามสำคัญ
สำหรับตัวคุณเองก็คือ...
“แล้วตัวคุณล่ะ ‘แข็ง’ หรือเปล่า ?”
ความมั่นคงของธุรกิจคุณ ของตัวคุณ
คงเอาไปฝากไว้ที่มือใครไม่ได้
และการรับผิดชอบสร้างทุกอย่าง
ด้วยตัวเองนี่แหละครับ
คือจุดเริ่มต้นใน “สิ่งที่เป็นคุณ”
ได้อย่างแท้จริง
