5 ลักษณะ SALES CONTENT ทำเงิน 1,000,000


Blog Detail

แคปชั่นห่วยพา(ซ)วยทั้ง Content 
“ยิง Ads เป็นแสน ก็เสียแสน 
โดนค่าเสียโอกาสอีกเป็นล้าน"

แต่ถ้า CAPTION เด็ด
เหมือนได้พรจากหลวงพ่อทันใจ

สมมติฐานสำคัญ
ในการตลาดที่เราระลึกไว้ตลอดก็คือ
“ลูกค้ายุ่งเกินไป สำหรับสิ่งที่น่าเบื่อ
เวลาของลูกค้าล้ำค่าเกินไปที่จะมานั่งดูโฆษณา”

โฆษณา youtube 5 วิ 
มันทำให้เราอยากเลิกฟังเพลง
ที่ยาวแค่ 5 นาที

เราจะไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่ 4-5 วินาที
กับโฆษณาแบบเดิม ๆ หรือกับข้อมูลน่าเบื่อ
แม้มันจะมีประโยชน์เปลี่ยนชีวิตแค่ไหนก็ตาม

ดังนั้นมาดูกันครับว่า 
Content ที่เรียกยอด สร้างเงินล้านให้คุณ
ต้องมีลักษณะเช่นไร 


1 ) คาดหวัง “ยอดขาย” ได้เสมอ


จริงอยู่ครับที่การทำ CONTENT 
นั้นมีจุดประสงค์แตกต่างกัน
บางครั้งต้องการสร้าง Awareness 
บางครั้งต้องการแก้วิกฤติ
บางครั้งต้องการทำความสนิทสนมกับแฟนเพจ

แต่ผมเชื่อว่าทุกแบรนด์ต้องพิสูจน์กลยุทธ์การตลาด
ด้วยการวัดตัวเลขที่มีคุณภาพที่สุด นั่นคือ “ยอดขาย”

สำหรับกรณีที่เราทำแบรนด์สินค้า/บริการทั่วไป
ผมไม่เชื่อว่าแบรนด์จะติดโดยที่ลูกค้าไม่เคยจ่ายเงิน
(ยกเว้นเราหวังผลการแจก “ฟรี” 
ด้วยการขายใน 2nd step)


ดังนั้นในทุกเดือนโดยเฉพาะช่วงโกยยอดขาย
ต้องมี SALES CONTENTที่เราวางใจ
หวังยอดขายกับมันได้

ระหว่างนั้นจะสร้างฐานแฟน 
จะเล่นตามกระแสอะไรก็เล่นไป
แต่จงระวังประเด็นในข้อ 2 ให้ดีครับ

เพราะทำแบรนด์ก็เหมือนทำกับข้าว 
ทำให้อร่อยจานเดียวทำง่าย 
แต่ทำให้อร่อยทั้งหมดทำยาก
และยิ่งต้องปรุงให้คุณภาพดี 
สะอาดตลอดไปยากยิ่งกว่า


2 ) ไม่ทำให้แบรนด์เสื่อม

ทุกท่านคงรู้จักคำว่า Brand Character
อย่างแบรนด์ที่มีคาแรคเตอร์เป็นคนจิตใจดี
ไม่ควรเขี้ยวลากดินเหมือนพวกทวงหนี้นอกระบบ

อย่างการทำ Ads บางชนิด
ที่จะแทงข้อความ Inbox เข้าไปทันที
ที่มีคนคลิ๊กดูรูปหรือ Clip 
ผมเห็นว่ามันเป็นการโฆษณาแบบ Invasive
โคตรลุกล้ำ ลูกค้าบางคนอยากจะรอตัดสินใจเงียบ ๆ 
แบบไม่อยากให้ใครรู้ว่าสนใจ คือ 
“ถ้าตูพร้อม เดี๋ยวตูทักไปเอง”


ในวันที่โลกเฟสบุคอนุญาตให้เรา 
เปิด Public กับเรื่องราวอะไรก็ได้
มันก็ทำให้หลาย ๆ คนต้องการ Privacy 
ในหลาย ๆ เรื่องมากขึ้นเช่นกัน

เพราะความรู้สึกของลูกค้า
มันไม่มี Parameter ไหนวัดได้
การทำโปรโมชั่นก็ต้องไม่ทำร้ายลูกค้าเก่า
ผู้ซึ่งตัดสินใจซื้อสินค้ามาก่อน
ก่อนแบรนด์จะดังเหมือนตอนนี้
ก่อนที่คนทั่ว ๆ ไปจะรู้จักซะอีก

ความละเอียดอ่อนของแบรนด์คือ
“ดังแสนยาก แต่เสื่อมโคตรง่าย 
ถ้าตายแล้วต้องไปเกิดใหม่ทันที”



3 ) มีแก่นของแบรนด์สอดแทรกอยู่เสมอ

CORE VALUE ของแบรนด์
คือหลักที่ทุก CONTENT จะต้องยึดถือ
เหมือนตราศักดิ์สิทธิ์
 
ดังนั้นผมมักจะให้ลูกศิษย์ตั้ง BRAND MISSION เสมอ
จากการคิดหน้าคิดหลัง คิดแล้วคิดอีก
มันเป็นประโยคที่ค่อนข้างนำแบรนด์ให้ไปถูกทางที่สุด

ถ้าสามารถตอบคำถามนี้ได้ก็แสดงว่า เริ่มมาถูกทางแล้วครับ
ธุรกิจ / แบรนด์ของเรานั้นเกิดมาเพื่อ .................................
(จงเติมคำในช่องว่างให้อยู่ในรูปการแก้ปัญหา)

ยกตัวอย่างเช่น :
"แบรนด์ของเรานั้นเกิดมาเพื่อ
ดับความหิวสำหรับคนที่นอนดึก (ถึงเช้ามืด)"

ประเด็นสำคัญของข้อนี้ไม่มีอะไรมาก
แต่ส่วนตัวผมอยากให้ยึดติดกับ PROBLEM ของลูกค้า
มากกว่า PRODUCT ที่เราเชื่อนักหนาว่ามันดีที่สุดในโลก

ไม่มี PRODUCT ตัวไหนอยู่ยงคงกระพัน
แต่ PROBLEM ของมนุษย์
จะอยู่ตราบจนวันสิ้นโลก(มนุษย์)

“โลก (EARTH) ไม่เคยมีปัญหา 
จนมนุษย์มาครองโลกของเค้า (SOCIAL)”


4 ) คุมธีมให้อยู่

ผมไม่เชื่อว่า ลูกค้าตัดสินใจซื้อด้วย
“อารมณ์ เพียงอย่างเดียว”
เพราะไม่อย่างนั้นทุกคนคงจ่ายหมดตัว
ไปกับการกระตุ้นโดยการตลาด
ของแบรนด์ต่าง ๆ ทั้ง 18 ทิศ

ในการตัดสินใจซื้อสินค้า 1 ครั้ง
เหตุผลกับอารมณ์ทำงานและขัดแย้งกันเสมอ
แต่ที่หลาย ๆ คนมักกล่าวว่า
ลุกค้าตัดสินใจด้วยอารมณ์
เพราะแคมเปญจ์การตลาด
มันต้องเปลี่ยนสถานะอารมณ์ลูกค้าให้ได้ในขั้นแรก

จากน้อย ๆ อยู่มาตลกขำ น้ำลายเปื้อนจอ
จากที่รู้สึกกำลังเสียดายเงิน กลับรีบจองตั๋วไปเกาหลี

SALES CONTENT จะต้องเปลี่ยนสถานะหรือทำลายสมดุล 

แต่ถ้าชีวิตจริงมนุษย์เราใช้อารมณ์ซื้ออย่างเดียว
เราจะได้เห็นคนนับหมื่นนับแสนต้องขายบ้าน ขายรถ
เพื่อโปะหนี้บัตรเครดิต หรือเงินกู้นอกระบบ

ในจังหวะที่เรากำลังจะต้องจ่ายเงิน 
LOGIC ของลูกค้าในการคำนวณถูก-แพงก็มา
LOGIC ในการความคุ้มค่าก็มา 
LOGIC ในการวิเคราะห์ความจำเป็นก็มา

ดังนั้นถนนทั้งเส้นตั้งแต่ลูกค้าได้สัมผัส CONTENT
จนถึงปลายทางที่ลูกค้าโอนเงินให้เรา 
ธีมที่เปรียบเสมือน “เครื่องแต่งกายของแบรนด์”
ต้องคุมให้อยู่ Mood & Tone ต้องเอื้อให้สินค้าขายง่าย 
รู้สึกอยากง่าย และสุดท้ายจ่ายเงินอย่างสุนทรี


5.ดึงลูกค้าตัวจริงได้

ไม่ว่าเค้าจะซื้อตอนนี้หรือในอนาคต
คนที่มาติดตามแฟนเพจ
ทั้ง ๆ ที่เค้าเห็น SALES CONTENT
คือลูกค้าที่คัดมาแล้วว่าเป็นลูกค้าที่มีปัญหาจริง ๆ 
เชื่อวิธีการแก้ปัญหาจริง ๆ 
และมีความสามารถในการจ่ายสินค้าได้ 
(ถ้าเราได้แจ้งราคาอย่างมีสเต็ปไปแล้ว)

ถ้าไม่ใช่เรา Blogger ไม่ใช่ Celeb
หรือไม่ใช่แฟนเพจที่ปั่น Traffic เอาค่าโฆษณา
อย่าได้เอาใครก็ไม่รู้ว่าเก็บในแฟนเพจ 
อย่าหลงเกียรติยศแฟนเพจหลักแสนหลักล้าน
มีแฟนเพจหลักพันหลายเพจ
ที่ทำยอดขายหลักแสนต่อเดือนได้เยอะแยะครับ


และถ้าเราปั้นแฟนเพจมาด้วย CORE VALUE
เราจะได้ Interest ที่แม่นยำที่สุด 
ซึ่งไม่ใช่ interest ที่เฟสบุคให้เราเลือก
มันจะเป็น Brand interest หรือเรียกอีกอย่างนึงว่า
“ผู้ติดตามในแฟนเพจ” นั่นเอง