5 สุดยอดข้ออ้าง ที่ทำให้เป้าหมายเงินล้านเป็นเพียง “ฝันกลางวัน”


Blog Detail

 
โอกาสที่คน ๆ หนึ่งจะล้มเหลวมากที่สุด
คุณคิดว่าขึ้นอยู่กับอะไรครับ ?
 
สำหรับผมและหลาย ๆ คน
ที่ผ่านอะไรมาเยอะ ๆ มักจะตอบคล้าย ๆ กัน
 
ว่ามันคือ “ข้ออ้าง” ครับ
 
เพราะถ้ามองกันตามสัจธรรมชีวิต
โลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอน
 
ทุกอย่างที่คุณทำอยู่ตอนนี้
อาจประสบความสำเร็จ
หรือล้มเหลวในจุดใดจุดหนึ่งได้เสมอ
 
แต่สิ่งที่จะปิดประตูความสำเร็จแน่ ๆ 100%
เจอความล้มเหลวแน่ ๆ ตั้งแต่ออกประตูบ้าน
 
นั่นคือการมีข้ออ้างที่หยุดคุณ
ไม่ให้เริ่มต้นทำอะไรจริงจังสักอย่าง
 
ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก
และเป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้ทันตัวเองเสมอ
 
เพราะถ้าใครเผลอมี “สุดยอดข้ออ้าง” นี้
อย่างหนักแน่นขึ้นมาเมื่อไหร่
ชีวิตจะไม่เจริญง่าย ๆ เมื่อนั้นครับ
 
ไปดูซิว่าคุณเผลอมีมันบ้างไหม ?
 
 
1. “ไม่มีเงิน”
 
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้นะครับ
ที่ทุกคนไม่ได้มีต้นทุนชีวิตเท่ากัน
 
แต่โลกยุคนี้หลายสิ่งหลายอย่าง
เอื้อโอกาสให้คุณเริ่มต้นจาก
เงินจำนวนไม่มากได้
 
ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ถึงกับ
มีทุนติดตัวแค่ 0 บาท ขนาดนั้นหรอกครับ
 
โอเค ! การมีต้นทุนน้อยหน่อย
มันอาจต้องค่อยเป็นค่อยไป
ไม่พุ่งทะยานทีเดียว
เหมือนคนที่เค้ามีทุนมาก ๆ
 
แต่ถามจริง ๆ นะครับ
ถ้าวันนี้คุณยังบริหารจัดการเงินในหน้าตัก
ที่มีอยู่ตรงหน้าให้มีศักยภาพสูงสุดไม่ได้
 
แล้วจะรับมือกับความรับผิดชอบ
ต่อจำนวนเงินที่สูงกว่านี้ กดดันกว่านี้
ไหวจริง ๆ เหรอครับ ?
 
การมีเงินเริ่มต้นธุรกิจเยอะ ไม่ได้แปลว่า
คุณจะชิวได้เยอะเสมอไปหรอกนะครับ
 
จงใช้ขุมพลังทางความคิด ทักษะ
ความสามารถที่คุณมีอยู่
เป็นตัวขับเคลื่อนให้ทุนก้อนนี้ของคุณ
ขยายศักยภาพได้มากที่สุดครับ
 
แล้วเดี๋ยวมันจะพอกพูนขึ้นมาเอง
 
 
2. “ไม่มีเวลา”
 
คนไม่มีเวลามักมี 2 แบบใหญ่ ๆ ครับ
 
1) บางคนมีงาน มีภารกิจต้องรับผิดชอบ
ซัดโปรเจ็กท์ธุรกิจจนแน่นเต็มตารางเวลา
ไม่เหลือพื้นที่ให้ลงอะไรเพิ่มได้อีก
 
2) บางคน ที่จริงไม่เคยมีตารางเวลาด้วยซ้ำ
เลยไม่รู้เวลาหายไปไหนหมด แต่ยังแชร์
Location ไปนู่นไปนี่ไกล ๆ ได้ทุกอาทิตย์
 
ในขณะที่มีหลายคนทำงานประจำ
แล้วยังขายของออนไลน์ไปด้วย
แถมบางคนทำหลายตัวด้วย
 
ยังไม่พอ เค้ายังไปเรียนรู้ พัฒนา
ทักษะทางธุรกิจเพิ่มเติมอยู่ตลอด
 
เค้าไปเอาเวลามาจากไหน ?
 
ถ้าลองวางแผนจัดเวลาให้ดีจริง ๆ
ก็จะพบว่ามักยังมีเศษเวลาบางส่วน
ที่รวม ๆ แล้วแบ่งมาทำอะไรได้เสมอแหละครับ
 
มันอยู่ที่ว่า “คุณใช้มันไปกับอะไร” ต่างหาก
 
และก็ต้องบอกเลยว่า
คุณคงจะหวังสร้างชีวิตที่ใฝ่ฝันได้ยาก
หากวันนี้ยังให้เวลากับมันไม่มากพอ
 
 
3. “ไม่มีความรู้มาก่อน”
 
หลายคนที่ผมรู้จัก
ทั้งคนที่ได้ร่วมงานกัน
และลูกศิษย์มากมาย
 
เชื่อไหมครับว่าส่วนใหญ่ก็ทำในสิ่งที่
ตัวเองไม่เคยเรียน ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน
ด้วยกันทั้งนั้น
 
หรือบางทีคุณเองก็ด้วย
 
อย่างผมเองตลอดเวลา 6 ปี
ที่เรียนในคณะสัตวแพทย์
ในหลักสูตรก็ไม่มีสอนเรื่องธุรกิจ
การขาย การตลาด แม้แต่หน่วยกิตเดียว
 
ทุกอย่างมาเริ่มต้นเรียนรู้ของใหม่
ด้วยตัวเองมาตลอดชีวิต
 
แล้วยังมีอีกตั้งกี่คน
ที่ทำธุรกิจจนทำเงินตั้งหลายล้าน
ก็ไม่ได้เรียนอะไรพวกนี้มาก่อนเลย
 
หลักการมันง่าย ๆ แค่ว่า
อะไรที่คุณไม่เคยรู้ ก็ไปเรียนเพิ่มให้มันรู้
 
ไม่เว้นแม้แต่คนที่เริ่มต้นทำอะไรใหม่แล้ว
ด้วยเหมือนกันนะครับ
 
ถ้าพยายามเลี่ยงที่จะเรียนรู้
บางอย่างที่สำคัญและจำเป็นจริง ๆ
เพราะว่าไม่ชอบ ไม่อยากทำ
 
แม่ทีม พี่เลี้ยงป้อนเป็นคำเล็ก ๆ ให้แล้ว
ก็ยังไม่อยากเคี้ยว
 
เค้าก็อยากจะฝากบอกว่า...
 
ถ้าไม่แม้แต่จะเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่
ก็ไม่มีใครเค้ามาเข็นคุณขึ้นภูเขา
ได้ทั้งชีวิตหรอกครับ
 
 
4. “ไม่มีประสบการณ์”
 
“รู้แล้วไม่ลงมือทำ = ยังไม่รู้”
 
ผมเห็นด้วยกับประโยคคุ้นหูนี้ครับ
 
หลายคนเรียนมาเป็นสิบคอร์ส
อ่านหนังสือมาเป็นสิบเล่ม
แต่ยังไม่เคยเอาไปลงมือทำจริงสักอย่าง
 
ประสบการณ์เลยยังไม่มาก
เท่ากับความรู้ที่รับเข้ามาจากทุกสื่อ
 
ซึ่งประสบการณ์นี่แหละครับ
ที่จะหนุนหลังคุณได้มากกว่าพรสวรรค์ซะอีก
 
และเหตุผลหลัก ๆ ที่ยังไม่ค่อยลงมือทำ
ก็มักเป็นเพราะ “ความกลัว”
 
กลัวผิดพลาด กลัวล้มเหลว กลัว Fail
รอให้พร้อมก่อน รอให้ทุกอย่าง 100% ก่อน
 
ข่าวร้ายก็คือ วันที่ทุกอย่างมัน 100%
มักไม่มีอยู่จริงครับ
 
คุณต้องกล้าออกไปลุย
ไปลองให้รู้ว่าอะไรผิดหรือถูก
ภายใต้การควบคุมระดับความเสี่ยง
อย่างรู้ลิมิต และมีสติ
 
ไม่อย่างนั้น ต่อให้มีความรู้เป็นลัง ๆ
ก็ไม่มีวันทำได้จริงซะที
 
 
5. “ไม่มีคอนเนคชั่น”
 
“คอนเนคชั่น” จะนำพาให้คุณไปสู่ “โอกาส”
แต่ทั้ง 2 อย่าง ไม่มีทางลอยมาเองตามลม
 
แม้โลกออนไลน์จะเชื่อมต่อ
ให้คุณได้รู้จักคนนั้นคนนี้ได้มากมาย
 
แต่บางครั้งคุณต้องพาตัวเอง
ออกไปเข้าสังคมทำความรู้จักคนอื่น
ในโลกออฟไลน์ด้วย
 
บางทีเริ่มจากคนในทีม ในแบรนด์
ในวงใกล้ตัวเองก่อนก็ได้ครับ
 
ทุกคนสามารถเป็นคอนเนคชั่นทีดีต่อกันได้
ยิ่งถ้าคุณพัฒนาตัวเอง ทั้งวิธีคิด ทักษะ
ก็จะยิ่งดึงดูดคนระดับเดียวกันเข้ามาครับ
 
ดังนั้นเริ่มพัฒนาจากตัวเอง
แล้วออกไปเรียนรู้ ออกไปแชร์สิ่งดี ๆ ร่วมกัน
แล้วคอนเนคชั่นจะค่อย ๆ มีเข้ามาครับ
 
...............................
 
การที่คุณยังมีติดข้อใดข้อหนึ่งในนี้
ขอเพียงไม่ยึดมั่นกับมันไว้อย่างถาวร
ก็ยังพอมีหนทางค่อย ๆ ปรับกันได้ครับ
 
แต่ถ้าสุดท้ายแล้วยังคงติดปาก
ด้วยประโยคสุดคลาสสิกอยู่แค่ว่า
“ยังไม่พร้อม”
 
ถึงตอนนั้นก็คงต้องถามตัวเองแล้วล่ะครับว่า...
“ไม่พร้อม” หรือ “ไม่มีความพยายาม” กันแน่ ?