สาเหตุใหญ่ในเชิง Emotion
ที่ทำให้คน ๆ หนึ่งขายดีกว่าอีกคน
คือเรื่องของ “ความเชื่อมั่น” ในการนำเสนอครับ
ยิ่งผมเองในฐานะนักขายเก่า
ค่อนข้างศรัทธราในระดับที่กล้าพูดเลยว่า...
“ถ้าคนเรามีความเชื่อมั่นแล้วล่ะก็
จะสามารถส่งต่อความมั่นใจไปถึงลูกค้าได้”
ไม่ว่าจะนำเสนอขายอะไร
ลูกค้าก็จะรู้สึกมั่นใจที่จะซื้อด้วย
เพราะถ้าซื้อกับคนนี้ เค้าคงจะตัดสินใจไม่ผิด
ซึ่งแม้แต่แม่ค้าออนไลน์อย่างคุณ
ก็ควรมีความเชื่อมั่นเป็นคุณสมบัติติดตัว
ฝังลึกอยู่ใน DNA แบบนักขายด้วยเช่นกัน
เพราะทุกครั้งที่ออกมา Live ขายของ
หรือหาตัวแทน ลองนำเสนอออกไป
แบบกล้า ๆ กลัว ๆ ดูสิครับ
ลูกค้าเค้าจะกล้าวางใจเชื่อคุณไหม ?
คนสมัครตัวแทนเค้าจะมั่นใจในตัวคุณไหม ?
ในเมื่อคำพูดคุณบอกว่าสินค้าดี ธุรกิจดี
แต่อาการที่แสดงออกของคุณกลับดูสวนทาง
ความเชื่อมั่นจึงถือเป็นกุญแจดอกสำคัญ
ในการไขประตูการตัดสินใจของลูกค้าและตัวแทน
ที่ไม่ว่าจะตัดสินใจเคลื่อนนิ้วไปกดโอนเงิน
หรือตกลงเปิดบิลสต็อกสินค้ากับคุณก็ตาม
ดังนั้นผมจึงขอเสนอ 5 สิ่งที่ต้องใช้
มาช่วยเสริมพลังให้คุณสามารถนำเสนอ
กับลูกค้าและตัวแทนได้อย่างโดนใจดังนี้ครับ
1. ความสำเร็จในอดีต
“The Past Success”
หรือความสำเร็จในอดีตที่สั่งสมมาเรื่อย ๆ
จะเป็นรากฐานทางด้านจิตใจที่แข็งแรงได้ครับ
ไม่ว่าคุณจะเคยชนะการประกวดอะไรมา
เคยรับตำแหน่งเป็นประธานเรื่องนี้
เป็นตัวแทนงานนั้น เป็นผู้นำในงานนี้
เคยทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้สำเร็จ
แม้จะเป็นความสำเร็จชิ้นเล็ก ๆ
แต่มันก็สั่งสมทบรวมเข้าด้วยกัน
เป็นขุมพลังก้อนใหญ่ของตัวเองได้
เป็นแรงส่งให้คุณกล้าทำ
ในสิ่งที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมไปเรื่อย ๆ
ก็ในเมื่อในอดีตคุณยังเคยทำสิ่งต่าง ๆ
สำเร็จได้มาแล้วตั้งหลายอย่าง
ถ้าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันไม่ได้หนักหนากว่า
แค่ขยับระดับความยากขึ้นมาอีกหน่อย
ทำไมคุณจะทำไม่ได้ จริงไหมล่ะครับ ?
ดังนั้นเมื่อมีโอกาสงานอะไรที่เข้ามา
โดยเฉพาะโอกาสจากคนที่มีชื่อเสียง
คนระดับใหญ่ ๆ คนระดับหัวหน้า
ให้ลองท้าทายตัวเองเข้าไปทำดู
เพื่อเป็นการเก็บคะแนนความสามารถ
และเพิ่ม Level ความเชื่อมั่นให้ตัวเองครับ
2. ทัศนคติที่มองตัวเอง
ประเด็นนี้น่าสนใจครับ
เพราะไม่ใช่คนที่มั่นใจในตัวเองทุกคน
เค้าจะมั่นใจในทุกเรื่องเสมอไป
แม้ในข้อที่แล้วผมจะพูดถึง
“ความสำเร็จในอดีต”
แต่สำหรับบางคน
ก็ยังติดกับดักทางความคิดของตัวเอง
เช่น
แม้เค้าจะถ่ายรูปเก่ง แต่ถ้าให้ถ่ายสินค้า
กลับไม่มั่นใจ ไม่อยากถ่าย ไม่ถ่ายได้ไหม
ยิ่งให้ไปพูดขายหน้ากล้อง ยิ่งไปกันใหญ่เลย
ขอย้ายไปอยู่หลังกล้องเหมือนเดิมดีกว่า
เรื่องทำนองนี้มันอยู่ที่ “Positive Thinking”
หรือทิศนคติเชิงบวกที่มีต่อตัวเองครับ
ด้วยความเชื่อที่ว่า ความสามารถในเรื่องหนึ่ง
สามารถถ่ายเทไปประยุกต์ใช้กับอีกเรื่องหนึ่งได้
หรือแม้แต่บางเรื่องที่ต่างกันมาก ๆ
ก็สามารถเรียนรู้ฝึกฝนได้
ซึ่งเรื่องของความกล้าในการนำเสนอนั้น
ก็ต้องมีทัศนคติแบบนี้ด้วยเหมือนกันครับ
ทัศนคติที่มองตัวเองว่า...
ฉันมีประโยชน์และคุณค่ามากพอ
ที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีต่อโลกใบนี้
หรืออยากจะเลือกมองตัวเองว่า...
ฉันไม่ได้มีคุณค่าอะไรเลย ควรอยู่เงียบ ๆ
เป็นเพียงตัวประกอบของโลกไปตลอดชีวิต
ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ คุณอาจไม่รู้หรอกครับ
ว่าตัวเองมียืนอยู่ในจุดไหน
มีคุณค่าแค่ไหนที่ส่งต่อให้คนอื่นได้
ดังนั้นสำรวจโลกรอบตัวให้กว้าง
แล้วจะได้เห็นถึงระดับที่เองและคนอื่นอยู่
ว่ายังมีคนที่ต้องการคุณค่าบางอย่าง
และคุณสามารถให้อะไรกับเค้าได้ตั้งมากมาย
3. ฝึกฝนทักษะให้ดูดซึม
แค่เปิดไล่ดูข้อมูลสินค้า
แล้วดึงจุดขายสำคัญมานำเสนอได้ทันที
จนลูกค้าตัดสินใจซื้อเดี๋ยวนั้น
ถ้ามีความสามารถทำได้เป็นอัตโนมัติแบบนี้
จะทำให้คุณขายเก่งมาก ๆ เลยใช่ไหมครับ
ถ้าอยากทำได้แบบนี้ก็ต้องอาศัยการสั่งสม
เหมือนกับความสำเร็จในอดีตนั่นแหละครับ
เพราะแม้ว่า “การเรียน” จะทำช่วยให้คุณ ‘รู้’
แต่ “การฝึกฝน” จะทำให้คุณ ‘เป็น’
คุณอาจจะเรียนการพูดมาหลายคอร์ส
แต่ถ้าไม่เคยแม้แต่จะเปิดกล้อง Live
ก็ไม่มีทางที่จะทำได้เก่ง Smooth แบบมืออาชีพ
ดังนั้นจะให้พูดซ้ำสักกี่ครั้ง
ผมก็จะย้ำว่าให้ ฝึก ฝึก แล้วก็ ฝึก
เพื่อให้คุณดูดซึมซ้ำแล้วซ้ำอีก
จนทำได้อย่างอัตโนมัติ
เมื่อเวลานำเสนอจริงมาถึงครับ
4. ซ้อมใหญ่ก่อนลงสนามจริง
ถ้าคุณฝึกฝนตามข้อ 3 มาแล้ว
แต่ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่ทำทุกวัน
หรือต้องนำเสนอในแมตช์สำคัญ ๆ
ยังไงก็ห้ามประมาทโดยเด็ดขาดครับ
เพราะถึงแม้ว่าคุณจะเก่งแล้ว
ทำมาได้ดีตลอดอยู่แล้ว ก็ยังต้องการ
ความมั่นใจ ‘ก้อนสุดท้าย’ เสมอ
ดังนั้นคุณควรจะซ้อมมือรอบ Final
ไม่ว่าจะซ้อมหน้ากระจก
ซ้อมที่หน้ากล้องจริง ๆ
ขึ้นเวทีจริงเพื่อซ้อมใหญ่
ซึ่งบางทีการซ้อมอาจไม่ได้ทำให้คุณเก่งขึ้น
จากเดิมไปมากมายในสิ่งที่ทำได้ดีอยู่แล้ว
แต่มันจะช่วยลับสนิมในบางส่วนออกไปได้
ทำให้คุณนำเสนอได้ถึงระดับพีคสุด ๆ เลยครับ
5. ปล่อยวางผลลัพธ์ให้เป็น
คนที่มั่นใจจะใส่เต็มที่กับ ‘กระบวนการ’
แต่จะปล่อยวางใน ‘ผลลัพธ์’
มันอาจฟังดูย้อนแยงนะครับ
แต่ความคิดปล่อยวางในผลลัพธ์นั้น
ก็ถือเป็นความกล้าหาญ
ที่สะท้อนถึงความมั่นใจที่แท้จริงด้วย
ดังนั้นตอนนำเสนอขาย
คุณควรจะปล่อยทุกอย่างออกมาให้สุด
หลังจากนั้นก็ต้องปล่อยวางให้เป็น
เพราะแท้จริงแล้ว “การปล่อยวาง”
ถือเป็นสิ่งจำเป็นนะครับ
ถ้าคุณไม่รู้จักปล่อยวาง
สิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของตัวเอง
มันจะทำให้คุณเสียความมั่นใจ
เมื่อทุกอย่างยังไม่ได้ตามเป้า
และในครั้งต่อ ๆ ไป มันอาจทำให้คุณ
เสียโฟกัสจนหลุดวิถีออกไปในที่สุด
ดังนั้นจึงอยากฝากให้จำไว้ว่า...
ไม่มีโอกาสไหนที่ไม่ได้มา
แล้วต้องจะเป็นจะตาย
ทุกอย่างมันหาใหม่ได้หมด
ถ้าไม่ยอมแพ้ไปเองซะก่อน
..................................
“ความเชื่อมั่น”
ก็เหมือนกับฐานปล่อยจรวด
ที่จะคอยดันความสามารถทุกอย่าง
ให้พุ่งขึ้นไปจนสูงที่สุดได้
ในทางกลับกัน
ความคิดที่เป็นกบฏต่อความเชื่อมั่น
คือคำที่บอกกรอกหูตัวเองว่า...
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก”
แค่ประโยคนี้ประโยคเดียว
มันจะพาชีวิตคุณลงเหวได้ง่าย ๆ เลยนะครับ
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว
ไม่ว่าคุณจะมีความเชื่อมั่น
สัก 100% หรือ 150 %
แม้มันอาจได้จริงไม่ถึงเท่านั้น
ยังไงโอกาสความเป็นไปได้
ก็ยังมีมากกว่า 0% อยู่ดี
ซึ่งสำหรับแม่ค้าออนไลน์แล้ว
ถ้าคุณเชื่อมั่นในตัวเอง
ลูกค้าก็พร้อมจะสั่งซื้อกับคุณ
ตัวแทนก็พร้อมจะเดินตามคุณ
ทุกอย่างเริ่มจากตัวคุณเองทั้งสิ้นครับ