​ระบบตัวแทนคิดวางแพลนยังไง ‘ไม่ให้เสียเงินฟรี’ I SALESARM


Blog Detail

ไม่ให้ตัวแทนกลับบ้านไปแบบงง ๆ เจ้าของแบรนด์ก็งง ๆ ว่าจัดไปได้อะไร  
เมื่อวานซืนมีแบรนด์หนึ่งจะมาเชิญผมไปเทรนนิ่งตัวแทน
แล้วได้เอา Agenda มาให้ผมดู 
ว่าทั้งช่วงของวิชาการกับการพูดคุยกันเองนั้นมีความเหมาะสมแค่ไหน 
ซึ่งการจัดงานให้ตัวแทนไม่มีถูกไม่มีผิด แต่อยู่ที่จุดประสงค์มากกว่า
ว่าเราได้ตรงตามนั้นไหม หรือตรงตาม Stage ของแบรนด์ไหม
ช่วงตั้งไข่ หรือพุ่งทะยาน  คอนเซปต์ของการจัดงานก็แตกต่างกันครับ 
ซึ่งปกติก็จะมีจุดประสงค์ 2 อย่างหลัก ๆ  ที่แบรนด์จัดงานมีตติ้งตัวแทนขึ้น

มีรายละเอียดและข้อคิดดังนี้ครับ 

1) เพื่อเทรนเทคนิคการขายและ Online Marketing 

ความยากของการสอนไม่ใช่ความลึกของเนื้อหา แต่เป็นพื้นฐานของผู้ฟังต่างหากครับ 
ผมมักจะถามผู้จัดงานหรือเจ้าของแบรนด์ไปว่า ตัวแทนมีแฟนเพจกันหรือยังครับ
แล้วถ้ามี เคยยิง Ads แล้วได้ยอดขายจากเพจไหม ?
หรือได้จากเฟซส่วนตัวเหมือนเดิม มีแฟนเพจไปอย่างงั้นเอง 

เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันว่า  การทำแฟนเพจ หรือยิง Ads ไม่ใช่ของง่าย
และไม่ใช่ขนมของปีนี้อีกต่อไป  สำหรับกลุ่มมือใหม่มาก ๆ 
ส่วนตัวผมไม่ค่อยเห็นด้วย ที่จะให้มุ่งไปสู่การยิง Ads เลย 
ยิ่งถ้าเจอขายอาหารเสริมเข้าไป กว่าจะแก้คำ หลบจนเฟซบุ๊กตรวจไม่เจอ ก็ยากเต็มทน
ไหนจะมาวาง Sales Content ให้ขายได้อีก ไหนจะ Budget ที่จะลงโฆษณาอีก
ถ้าน้อยมาก ๆ ไปขายในเฟซส่วนตัวไม่ดีกว่าเหรอ? 

เพราะการฝึกให้ขายในเฟซบุ๊กส่วนตัวได้ มันอาจจะดูไม่เฉียบ
ไม่ได้ใช้เครื่องมือยาก ๆ  แต่ผมจะบอกว่า คนมักจะงงกับการยิง Ads ในแฟนเพจ
ไม่ใช่เพราะหลักคิดมันยาก แต่มันจะงงที่รูปร่างหน้าตา  และ Flow ของเครื่องมือนั่นแหละ… 

แต่การขายในเฟซบุ๊กเป็นสิ่งที่เราทำได้เลย ใช้เวลาเรียนรู้น้อย เพิ่มรูปลบรูป 
เติมข้อมูลเราก็ทำกันเป็นอยู่แล้ว ลูกค้าก็เห็นเรามาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องสงสัยว่ามีตัวตนจริงไหม ? 
ดังนั้นเวลาจะจัดงานเทรนนิ่งให้ตัวแทน
อย่ากำหนดว่าจะเป็นกี่คน  จะต้องเทรนกี่ชั่วโมงถึงจะพอ
ให้ดูพื้นฐานของตัวแทนให้ดี ว่ามัน Beginner หรือ Advance แค่ไหน 
เรียนไม่ใช่เอาแต่สนุก เรียนสักแต่ว่าจำนวนชั่วโมงเยอะ ๆ 
ขอให้เอากลับไปใช้ได้จริงด้วย ตามพื้นฐานของแต่ละกรุ๊ป 
เพราะหลักการนั้นมีมากมาย อยากจะพูดอะไรขึ้นมา มันก็สอนได้หมดแหละครับ
แต่สิ่งที่เอาไปทำจริง ๆ  นั้นอาจจะมีไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำไป


2) เพื่อสร้างความสนิทสนม กระชับความสัมพันธ์ 

จริง ๆ แล้วการจัดงานทุกครั้งผมเชื่อว่า Relationships
เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ไม่แพ้ความรู้เลย 
ความสนิทสนมรักใคร่กันในแบรนด์ มันเกิดง่ายกว่าความรู้ด้วยซ้ำ
เพราะความรู้จะเกิดขึ้นจริง ๆ ก็หลังจากที่ตัวแทนเอาไปลงมือทำ
แต่โลกออฟไลน์ส่งเสริม “ออนไลน์” เสมอ การมาเจอกันทำให้สนิทกันไวขึ้น
มากกว่านั้นคือการคุยผ่านกรุ๊ปไลน์เป็นปี ๆ  ซึ่งถ้าช่วงแรกตัวแทนยังไม่เยอะ
ให้พยายามทำให้ “กลุ่มแรก” สนิทกันเองก่อน 

การจะเป็นเจ้าของแบรนด์ในช่วงเริ่มต้นที่ไม่ดับไปซะก่อนให้ได้ยอดขายปัง ๆ
เราจะต้องมีตัวแทนที่เป็น “แกนนำ” ชุดแรก ที่จะโน้มน้าว หรือบริหารตัวแทนที่เหลือ 
ซึ่งถ้าเราเอาระดับหัวหน้าไม่อยู่ ตัวแทนข้างล่างไม่ต้องพูดถึง “เละแน่นอน” 

“เราสามารถคุมคนจำนวนหลักพันได้ ถ้าเราสามารถคุมหัวหน้าคนจำนวนหลักร้อยได้” 

ดังนั้น การจะจัดมีตติ้ง เป้าหมายไม่ใช่แค่ “เจอหน้ากัน” ไม่ใช่แค่การแจกรางวัล 
แต่ต้องทำให้เราสนิทกันมากขึ้น แล้วหลังจากนี้การคุยผ่านไลน์จะง่ายขึ้น
การ Live จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ลูกทีมพร้อมจะแชร์กัน… 

ป.ล. อย่าลืมเก็บทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวในงานด้วยนะครับ
เราต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการจัดงาน เราต้องเสียเวลากันไปเท่าไหร่ที่จะมางานนี้
อย่าลืมที่จะวางแผน เพื่อที่จะนำไปใช้ต่อในสื่อต่าง ๆ ด้วยครับ