โดยเฉพาะที่ขายผ่านระบบตัวแทน
ก็ต้องยอมรับเลยว่ามีหลายแบรนด์ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
(มารู้ก็ตอนไปสอนให้นี่ละครับ)
พอสอบถามประวัติก็ได้รู้ว่ามีแบรนด์มากมายจริง ๆ
ที่เติบโตแบบโคตรเร็ว แค่ปีเดียวมีตัวแทนเป็นหลักพัน
แบบที่เจ้าของแบรนด์ก็ยังงง ๆ กับความเป็นมือใหม่อยู่
วันนี้ผมเลยอยากเอาข้อคิดมาฝาก ในเรื่องการลงทุนสอนคน ปั้นคน
ว่าเราควรจะโฟกัสกับตัวแทนแบบไหนบ้าง
เพราะมันเหนื่อย และใช้งบประมาณทั้งนั้น
ลองมาฟังกันครับ ว่า ตัวแทนแบบไหนเป็นคนที่น่าปั้นและน่าสนับสนุนให้เค้าเติบโตได้ครับ
1) ตัวแทนที่ตั้งใจจริง ไม่ใช่ดีแต่บ่น
ผมเชื่อว่าทักษะฝึกกันได้ แต่ความตั้งใจไม่สามารถเรียกร้องให้ใครมีได้
ถ้าตัวเค้าไม่ต้องการ หรือไม่มีความแน่วแน่เพียงพอ
สมัยนี้คนจะเริ่มธุรกิจออนไลน์ง่ายกว่าแต่ก่อน
ในเชิงความรู้ แบบแผน วิธีการ
แต่ง่ายแค่ไหน ก็ไม่เหมาะกับคนที่ไม่เอาจริง
ไม่อยู่กับมันให้มากพอ จนเอาชนะเครื่องมือ เอาชนะคู่แข่ง และเอาชนะตัวเอง
สำหรับคนที่ตั้งใจ ต่อให้หนทางมันจะโหดแค่ไหน ใช้เวลานานเพียงใด
เค้าก็จะตั้งใจทำ
เพราะยึดถือการพิชิตเป้าหมายมากกว่า ระยะเวลาในการพิชิตเป้าหมาย
ถ้าเจอคนที่ไม่อดทนกับการฝึกฝน ไม่อดทนกับการลองผิดลองถูก
เค้าก็จะเลือกกลับไปยืนอยู่ที่เดิม ที่ที่เค้ามีความสบายใจ
แม้จะไม่มีความก้าวหน้าก็ตาม
2) ตัวแทนที่พัฒนาตัวเองให้เห็นอยู่เสมอ
คนที่มีอนาคตไกล เค้าจะพยายามหาอะไรมาเติมให้ตัวเองเสมอ
ไม่หยิ่งทะนงคิดว่าตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว เพราะในทุกขณะที่เราพักผ่อน
ย่อมมีคนพยายามวิ่งมาถึงจุดที่เราอยู่เสมอ
บางทีเค้าก็แซงเราไปโดยที่ไม่รู้ตัว
ต้องลองคิดดูว่า
ถ้ามันดีอยู่แล้ว ทำไมเราไม่ได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ล่ะ ?
นั่นก็เพราะ... เราจะได้รับสิ่งที่เราเหมาะสม
ไม่ใช่มโนถึงแค่สิ่งที่เราต้องการ แล้วก็ท่องเป้าหมายไปวัน ๆ
ลมปาก ไม่สามารถพัดภูเขาได้หรอกครับ
แต่การกระทำจะก่อสร้างความจริง จะคอยตอกความสำเร็จเล็ก ๆ ลงไป
จนกลายเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
คนที่น่าฝึกฝน ก็คือคนที่พยายามฝึกให้สำเร็จ ในทุกครั้งที่เค้าได้รับบทเรียน
เป็นผู้ที่เติมไม่เคยเต็ม ดูเหมือนจะแค่หิวความสำเร็จ
แต่จริง ๆ แล้ว เป็นเพราะเค้าคาดหวังว่า
ตัวเองจะยิ่งใหญ่มากกว่าที่เค้านึกถึงได้ซะอีก
3) ตัวแทนที่รักส่วนรวม
ไม่ใช่แค่รักตัวเอง
เมื่อเราเป็นทีม มันไม่ใช่แค่บังเอิญถูกเทมากองรวมกัน
ปัญหาจะใหญ่จะเล็ก มันอยู่ที่จำนวนคนที่จะช่วยกันแก้
มากกว่าขนาดของสาเหตุ
ทีมจะช่วยกันหาสะพานมาข้ามวิกฤติไป ไม่ว่าในอนาคตมันจะเกิดขึ้นอีกกี่ครั้งก็ตาม
อย่าเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่มีมากมายกระจายกันไป
แต่ไร้รูปร่างที่สวยงามสมบูรณ์ และแม้จะมีความวุ่นวายบ้างจากการอยู่ร่วมกัน
แต่นั่นคือธรรมชาติของการออกความคิดเห็น
นั่นคือธรรมชาติของความแตกต่าง แต่ยุคนี้ต้องสู้กันด้วยทีม
เราต่างก็มาด้วยต้องการรวยขึ้น เติบโตมากขึ้น
แต่ไม้ท่อนเดียวจะทนพายุได้ยังไง
ไม้แค่กิ่งเดียวจะทนการบีบอัดได้แค่ไหน
การทำระบบตัวแทนนั้นเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับเจ้าของแบรนด์ และแม่ทีมทุกคน
แต่เราต้องเชื่อว่า มันจะมีทางที่จะบริหารคนจำนวนมากได้
จงเชื่อว่า ความแตกต่างจะรวมกันได้
ด้วยเจ้าของแบรนด์
ด้วยวิสัยทัศน์
ด้วยความรักความหวังดีที่มีให้กัน
แล้วมันจะเกิด ‘ข้อได้เปรียบ’ ทำให้แบรนด์ของเราแข็งแกร่ง
ไม่ต้องกลัวคู่แข่งอีกหลายพันแบรนด์ที่จะเติบโตมาท้าทายทีมของพวกเราอีกเลย