สรุปหนังสือ Enchantment l SALESARM


Blog Detail

Enchantment
The Art of Changing Hearts, Minds, and Actions
 
การทำให้หลงใหล
ศิลปะแห่งการเปลี่ยนแปลงหัวใจ จิตใจ และการกระทำ

เกี่ยวกับผู้เขียน
กาย คาวาซากิ เป็นนักลงทุน ผู้ร่วมก่อตั้ง Alltop and Garage Technology Ventures และเป็นนักเขียนหนังสือทางธุรกิจหลายเล่มรวมถึง Reality Check
 
 
สาระสำคัญ...

 
  • การทำให้หลงใหลเรียกหาการเปลี่ยนแปลง “หัวใจ จิตใจ และการกระทำ” ดังนั้น พวกมันจะสนับสนุน “ธุรกิจ” ของคุณ นั่นคือสินค้า บริการ ธุรกิจ และไอเดียที่คุณกำลังส่งเสริม
     
  • แม้ว่าความหลงใหลนำมาซึ่งการชักจูงผู้อื่น แต่มันก็ไม่ควรเกี่ยวข้องกับการควบคุม
     
  • ขั้นแรก ในการทำให้คนอื่นหลงเสน่ห์คือการสร้าง “ความน่าชื่นชอบ” ทำให้ผู้คนหลงใหลด้วยการสร้างความประทับใจหนแรกและเก็บมันไว้ให้ยืนยาว
     
  • ขั้นที่สองในการสะกดผู้ฟังคือการสร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มชื่อเสียงในด้านความซื่อสัตย์และจิตใจงาม ตรงไปตรงมาและจริงใจกับแรงบันดาลใจของคุณ
     
  • เหตุผลของคุณควรที่จะมีความน่าหลงใหลเช่นกัน ในการทำเช่นนั้น มันจะต้องลึกซึ้ง หลักแหลม สมบูรณ์ มีอำนาจและสง่างาม
     
  • จัดทำ “กลยุทธ์การจัดการ” เพื่อคิดถึงทางแก้ของปัญหาเกี่ยวกับเหตุผลของคุณก่อนเริ่มต้น
     
  • รวบรวมการสนันสนุนแก่ข้อเสนอของคุณ แสดงให้เห็นว่าคุณมีผู้ติดตามจำนวนมาก
     
  • พนักงานที่มีความสุขจะสามารถเป่ามนต์ใส่ลูกค้าได้มากกว่าพนักงานที่ไม่มีความสุข ทำให้พวกเขาหลงรักคุณ และพวกเขาจะตอบแทนให้ในตอนหลัง
     
  • หัวหน้าของคุณมีอิทธิพลต่ออาชีพของคุณ ลุยเลย ใช้เสน่ห์กับเขาหรือเธอ
     
  • การรู้ว่าการอดทนต่อความหลงใหลทำอย่างไรจะช่วยทำให้คุณกลายเป็นนักร่ายมนต์ที่ประสบความสำเร็จ
 
 
คุณจะเรียนรู้อะไร ในบทสรุปชิ้นนี้คุณจะได้เรียนรู้
 
1) วิธีการที่จะชักชวนคนให้คงไว้ซึ่งหลักศีลธรรมไม่ให้เสื่อมเสีย
 
2) วิธีการนำเอาความน่าหลงใหลมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับคุณ
 
 
ข้อแนะนำ
 
เมื่อคุณผู้มีความกล้าอ่านหนังสือที่มีเสน่ห์เล่มนี้แล้ว ความลับของการจูงใจผู้อื่นจะเปิดเผยตัวมันให้คุณได้เห็น บล็อกเกอร์และนักร่วมลงทุน กาย คาวาซากิ สานเกร็ดความรู้เข้าด้วยกันมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความรู้ที่มีคุณค่าต่อการเดินทางสู่ “ความหลงใหล” เขาอธิบายถึงการกำหนด “หัวใจ จิตใจ และการกระทำ” ของคนโดยที่ปราศจากโดยที่คุณไม่ต้องเสียสละศีลธรรมของคุณอย่างที่คนได้โยงไปที่ เดล คาร์เนอกี้ (ผู้ซึ่งคาวาซากิอ้างอิงถึงอยู่เรื่อยๆ) กับการเอาชนะเพื่อนและชักจูงผู้อื่น คาวาซากิดูเหมือนจะหวังว่าองค์ประกอบของการทำให้ผู้คนหลงใหล เหล่านั้นจะคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างเขาและกลุ่มคนเหล่านั้น ข้อมูลส่วนใหญ่ในหนังสือนั้นเป็นความรู้ทั่วไปนั้นเป็นความรู้ทั่วไป แต่ตัวอย่างที่กว้างขวางในหลายหลายแขนงของคาวาซากิ เพิ่มเติมความน่าสนใจให้กับวาทกรรมที่ใช้กันมานานจนเก่าเหล่านั้น getAbstract แนะนำแนวทางของเค้าที่ทางช่องคุยเข้าถึงได้ง่ายและบันเทิงให้กับใครก็ตามที่ต้องการเรียนรู้ศิลปะของการชักจูงอย่างสุภาพ
 
 
บทความโดยย่อครับผม
 
คัดเลือก “คาถามหาเสน่ห์”
 
คาริน มุลเลอร์ ทำหน้าที่กับหน่วยสันติภาพของสหรัฐอเมริกาในประเทศฟิลิปปินส์ระหว่างปี 1987 ถึง 1989 วันหนึ่งชาวบ้านเตือนเธอว่าทหารจากกองทัพพรรคคอมมิวนิสต์ของฟิลิปปินส์กำลังมาที่พักของเธอเพื่อสอบปากคำเธอ เมื่อทหารมาถึงมุลเลอร์ไม่แสดงถึงความมุ่งร้ายหรือความกลัวออกมาให้เห็น แต่เธอกลับพูดว่า “ขอบคุณพระเจ้าที่พวกคุณมาที่นี่ ฉันรอคุณมาทั้งวัน ดื่มกาแฟก่อนสิ วางปืนของพวกคุณไว้ที่ประตูก็แล้วกัน” ไม่มีการสอบสวนใด ๆ เกิดขึ้นเพราะเธอร่ายมนต์ที่ทหารเรานั้นเพื่อเปลี่ยน “หัวใจ จิตใจ และการกระทำ” ของพวกเขาด้วยการต้อนรับอย่างยินดีของเธอ เธอใช้มนต์เสน่ห์
การทำให้หลงใหลสามารถเกิดขึ้นได้ที่บ้าน ร้านค้า ที่ทำงาน ในอินเตอร์เน็ต หรือที่ไหนก็ได้ มันเกี่ยวข้องกับการทำให้คนติดใจด้วย “ความปลาบปลื้ม” “สื่อสารมวลชน โซเชียลมีเดีย และการโฆษณา” สร้างความเชื่อมโยงผิวเผินซึ่งไม่เพียงพอที่จะคงความรู้สึกผูกพันในด้านบวกเอาไว้ ถ้าคุณตั้งเป้าไปที่ “หลักเหตุผล” ของการตลาด คือสินค้า การบริการ ธุรกิจ หรือความคิด จงพัฒนาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งผ่านการทำให้คนหลงใหล
การทำให้หลงใหลเกี่ยวข้องกับการมีอิทธิพลต่อผู้อื่นแต่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง และไม่ควรที่จะเป็นการกระทำที่ขาดศีลธรรม การทำให้หลงใหลไม่ใช่การที่คุณได้ทุกอย่าง คนอื่นจะต้องได้ผลประโยชน์เช่นกัน อย่าใช้ความน่าหลงใหลเพื่อเอาเปรียบคนอื่นด้วยการให้พวกเขาทำสิ่งที่คุณไม่อยากทำ จงเปิดเผยและโปร่งใสกับแรงบันดาลใจของคุณและอย่าพูดโกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือพยายามทำให้คนที่ “ใสซื่อ” หลงใหลคุณ
 
 
“ความน่าชื่นชอบและความน่าไว้วางใจ”
 
ขั้นแรกของการทำให้คนอื่นหลงใหลคือการสร้างความน่าชื่นชอบและความน่าไว้วางใจ เพื่อความน่าประทับใจตั้งแต่แรกพบ พกรอยยิ้ม ที่น่าเชื่อถือและเสื้อผ้าที่เหมาะกับสไตล์ของคุณและสถานการณ์ จับมือทักทายอย่างมั่นเหมาะ และเลือกคำพูดที่ถูกต้องอย่างไรก็ตามความน่าประทับใจตั้งแต่แรกพบจะไม่สามารถคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ที่มีความหมาย ใช้ขั้นตอนเหล่านี้เพื่อการสร้างความน่าชื่นชอบที่ยาวนาน

 
  • นึกเสมอว่าคนอื่นแตกต่างจากคุณแลเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเป็น
     
  • อย่าครอบงำคนอื่นด้วยคุณค่าและความคิดของคุณ
     
  • หาความสนใจของคุณร่วมกับคนอื่น นี่เป็นทางลัดในการละลายพฤติกรรม
     
  • สร้างให้เกิดสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างได้ที่จะทำให้คุณและคนอื่นมีความสุขในความสัมพันธ์
     
  • “เมื่อสถานการณ์เรียกหามันอย่างแน่แท้” การใช้ความไม่นับถือพระเจ้าสามารถสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวและทำให้คุณเป็นที่ยอมรับจาก “ทุกคนยกเว้นคนที่เคร่งครัดมาก”
     
  • หลีกเลี่ยงการพูดว่าไม่ ซึ่งจะสามารถจบความสัมพันธ์ทุกอย่างที่คุณสร้างขึ้นมา แต่ให้ “เลือกที่จะพูดว่าตกลง”
     
 
หากไม่มีความน่าเชื่อถือคนอาจจะไม่ตกอยู่ในภวังค์ของเวทมนตร์ของคุณ บริษัทรองเท้า Zappos ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าโดยเสนอการยืนยันคืนเงินและฟรีค่าจัดส่งเมื่อคืนสินค้า Zappos เชื่อมั่นว่าลูกค้าจะเคารพในกฎและไม่คืนรองเท้าที่ใช้แล้ว ลองใช้หลักการเหล่านี้เพื่อทำให้เกิดความน่าเชื่อถือและสร้างความน่าหลงใหล

 
  • “เป็นคนมีเกียรติ” คำจากภาษายิดดิช ที่แปลว่าคนที่ซื่อสัตย์ เป็นมิตร และยุติธรรม “ไม่สร้างความชั่วร้ายอันตราย”
     
  • เปิดเผยความสนใจของคุณอย่างทันทีและสมบูรณ์ โดยทั่วไปแล้วคนจะไม่ถูกทอดทิ้งออกจากกลุ่มถ้าความสนใจของคุณเหมือนกับพวกเขาตราบที่คุณแสดงมันออกมา
     
  • ตอบแทนความมีน้ำใจของคนอื่นไม่ใช่เพื่อการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่เพื่อความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
     
  • เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านที่คุณถนัดโดยการพัฒนา “ความรู้และความสามารถ”
     
  • ประดิษฐ์คำพูดที่ “สั้น ชัดเจน แตกต่าง และถ่อมตัว” เพื่ออธิบายจุดประสงค์และเจตนาของคุณ
     
  • พัฒนาความคิดของการเป็นวีรบุรุษ ปกป้องในสิ่งที่คุณเชื่อ
 
 
เตรียมพร้อมสำหรับการทะยานออกไป
 
เมื่อความน่าชื่นชอบและความน่าไว้วางใจของคุณอยู่ในที่ที่เหมาะสมแล้วคุณก็ได้อยู่บนเส้นทางสู่ความน่าหลงใหลเป็นที่เรียบร้อย แล้วจุดประสงค์ของคุณล่ะ เพื่อการทำให้คนชื่นชอบ ข้อเสนอของคุณจะต้อง “ลึกซึ้ง” (มีหน้าที่มากมาย) “หลักแหลม” (แก้ไขปัญหาแบบแปลกใหม่) “สมบูรณ์” (ให้บริการช่วยเหลือลูกค้า) “ให้อำนาจ” (ให้ลูกค้าควบคุมได้มากขึ้น) และ “สง่างาม” (เป็นมิตรกับผู้ใช้) ตัวอย่างได้แก่ผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่เติมเต็มได้ทุกกฎเกณฑ์ที่กล่าวถึง
 
ขณะที่คุณเตรียมพร้อมเพื่อเริ่มต้นจุดประสงค์ของคุณนั้น คุณต้องสร้างกลยุทธ์การจัดการเพื่อทำนายปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้และแก้ไขปุ๊กมันอย่างทันท่วงทีในกระบวนการ ต้องสร้างกลยุทธ์การจัดการเพื่อทำนายปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้และแก้ไขมันอย่างทันท่วงทีในกระบวนการ สื่อสารข้อความที่ “สั้น ง่าย และเข้าใจได้ง่าย” Etsy เว็บไซต์ขายอุปกรณ์งานฝีมือถ่ายทอดเป้าหมายได้อย่างชัดเจน เพื่อทำให้คนใช้ชีวิตกับการประดิษฐ์ประดอย และเพื่อเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตและผู้ซื้อ ตัดการกีดขวางต่าง ๆ ออกไปจากการทำธุรกิจกับคุณ โรงแรมในกรุงปารีสแห่งหนึ่งคิดค่าใช้จ่ายในการจองห้องพักถึงแม้ว่าจะไม่มีห้องพักว่างเลยก็ตาม นี่เป็นการขัดขวางลูกค้า หากผู้จัดการโรงแรมมองเห็นถึงผลกระทบจากการกีดขวางนี้ในระหว่างของกลยุทธ์การจัดการ พวกเขาอาจจะตัดสินใจไม่เก็บค่าจองห้องพักก็ได้ กระตุ้นทุกคนที่เกี่ยวข้องในการเตรียมตัวนำเสนอจุดประสงค์ด้วยการทำเช็คลิสท์เพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นความก้าวหน้าของตัวเอง
 
ทำให้คนหลงใหลกับการเริ่มต้นของคุณแทนที่จะตีพิมพ์ข่าวหนังสือพิมพ์และการนำเสนอการขายแบบธรรมดา ใช้การเล่าเรื่องเพื่อเปลี่ยนให้ลูกค้าเป็นผู้ศรัทธา และทำให้พวกเขาจดจ่อกับจุดประสงค์ของคุณ ให้พวกเขาได้ลองสินค้าตัวอย่าง ตัวอย่างเช่น Amazon ให้ผู้ซื้อ “ลองดูข้างใน” ซึ่งอนุญาตให้ลูกค้าได้อ่านหนังสือบางหน้าก่อนที่จะซื้อ
 
การตลาดแบบดั้งเดิมมุ่งไปที่การให้ความสนใจใน “ผู้มีอิทธิพล” ซึ่งเป็นคนที่ได้รับการยอมรับและคาดหวังจะแผ่ขยายไปที่คนในสังคม แต่ในยุคหลังที่มีอินเตอร์เน็ตแล้วคนให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของเพื่อนเท่า ๆ กับของผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นการนำใครก็ได้มาเป็นส่วนหนึ่งซึ่งน่าเชื่อถือมากกว่า คนที่มีอิทธิพลเพื่อสนับสนุนจุดประสงค์ของคุณและกระจายคำพูดออกไป ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นสอบถามก่อนว่าคนจะสนับสนุนสินค้าของคุณนีจะกระตุ้นให้พวกเขาให้คำมั่นสัญญาและการตอบรับของพวกเขาจะบอกคุณว่าคุณต้องกลับมาถามอีกครั้งหรือไม่ ขอ “ความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่” จากลูกค้าพวกเขาปฏิเสธก็ขอความช่วยเหลือที่น้อยลง “เพื่อให้คุณได้เข้าร่วมงาน” พิสูจน์ให้เห็น “จุดโดดเด่น” ตัวอย่างเช่นถ้าคุณมีจุดประสงค์เพื่อการกุศลอธิบายว่าเงินจำนวนหนึ่งสามารถช่วยเหลือเด็กผู้หิวโหยไปได้นานแค่ไหน เทคนิคเหล่านี้ควรรวบรวมผู้สนับสนุนจุดประสงค์ของคุณ
 
 
เอาชนะคู่ต่อสู้
 
จุดประสงค์ส่วนมากสร้างข้อโต้แย้งบางอย่างดังนั้นต้องเตรียมพร้อมทางอื่นหลาย ๆ ทางเพื่อผ่านพ้นมันไป เข้าใจว่าเหตุผลของจุดประสงค์คุณ อาจจะไม่ทำให้คนหลงใหลเพราะฉะนั้นคุณสามารถพูดถึงประเด็นเหล่านั้น นอกจากว่าจุดประสงค์ของคุณจะใช้ไม่ได้จริง ๆ คุณสามารถเอาชนะคู่แข่งได้โดยการใช้แท็กติกเหล่านี้
 
  • ใส่ “เกราะป้องกันทางสังคม” ไปในการทำงาน แสดงให้เห็นว่าคนอื่นต้อนรับจุดประสงค์ของคุณเพื่อทดสอบว่ามันปลอดภัย เป็นที่ยอมรับหรือดูดี และควรค่าแก่การนำมาใช้
     
  • สื่อให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธุรกิจของคุณ หูฟังสีขาวของ Apple ที่เห็นได้ทุกหนแห่ง แสดงให้เห็นว่า ipod มีอยู่ทุกที่
     
  • ในอีกแง่หนึ่งความขาดแคลนบังคับให้คนกลัวที่จะพลาดโอกาส เมื่อ Google แนะนำให้รู้จักกับ Gmail ผู้ใช้รายใหม่จะต้องได้รับคำเชิญเพื่อลงทะเบียนใช้งาน ซึ่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความขาดแคลน
     
  • ตัวเลขที่มากมายและสถิติแห้ง ๆ ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่อ่อนไหวและน่าตื่นเต้นกับผู้ชมได้ ความจริงแล้วมันสามารถทำให้คนรับมือกับความเฉื่อยชามากเกินไป ตัวอย่างเช่นการนับระบุจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นล้าน ๆ คนในดาร์ฟูร์หรือรวันดาไม่เพียงพอที่จะจ้างคน แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น “ใช้รูปภาพ เปรียบเทียบตัวเลข และเล่าเรื่อง” เพื่อหาแรงสนับสนุน
 
 
สร้างเสน่ห์ให้คงอยู่ยาวนาน


เป้าหมายของคุณคือการสร้างความลุ่มหลงที่คงทนและยั่งยืน ทำให้คนที่ลงเรือลำเดียวกับคุณหลงใหลอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขาติดอยู่กับมัน ซื้อสินค้าตัวใหม่และกระจายคำโฆษณาออกไป คุณทำให้ลูกค้าหลงเสน่ห์เมื่อพวกเขา “อยู่ภายใน”ธุรกิจของคุณ นั่นคือพวกเขาสนุกและเชื่อในข้อเสนอที่พวกเขาเลือกด้วยตัวเอง ใช้ขั้นตอนเหล่านี้เพื่อการทำให้อยู่ภายใน

 
  • มุ่งไปที่สังคมชั้นกลางและล่าง และองค์กร เพราะ “ผู้นำที่อยู่ชั้นบนของสังคมไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการของประชาชนทั้งหมด น้อยกว่ามากแต่ดีกว่ามาก”
     
  • “ขอให้มีการพึ่งพาอาศัยกัน” การศึกษาเกี่ยวกับการโน้มน้าวใจแสดงให้เห็นว่าคนตอบแทนกันเมื่อผู้อื่นทำบางอย่างให้กับพวกเขา “เมื่อคุณหว่านเมล็ดลงไป คุณก็จะได้ผลตอบแทน”
     
  • พัฒนาชุมชนโดยการใช้ “กลุ่มผู้ใช้ บล็อก ผู้ให้คำปรึกษา นักพัฒนา ผู้ค้ารายย่อย และการประชุม” เพื่อเชื่อมต่อคนที่อยู่ภายในธุรกิจของคุณและอยากจะช่วยเหลือ มีปฏิกิริยากับชุมชน ถามถึงผลตอบรับ บทวิจารณ์และความคิด ตีพิมพ์หัวข้อลงในหนังสือพิมพ์ และให้รางวัลกับ “ผู้ที่ภักดี”
     
  • สร้าง “ทีมที่หลากหลาย” คนจากพื้นฐานครอบครัวที่ต่างกันและนิสัยที่ไม่เหมือนกันจะให้ความคิดและมุมมองแบบเฉพาะตัวต่อองค์กรของคุณ
     
  • ทำธุรกิจของคุณให้เป็นที่รู้จัก วงร็อก The Grateful Dead เชิญชวนให้แฟนคลับเข้าร่วมการบันทึกคอนเสิร์ตและเผยแพร่มันตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้กำไรจากเทปบันทึกภาพเหล่านั้น นโยบายนี้ทำให้วงมีงานแสดงมากขึ้นและได้แฟนคลับเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
 
 
ใช้งาน “Push และ Pull Technology”


ใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อกับผู้ชมกลุ่มกว้าง ๆ อย่างรวดเร็วและบ่อยครั้ง การนำเสนองาน อีเมลล์ และทวิตเตอร์เป็น push technology เพราะพวกมันส่งสารออกไปและแบ่งปันเรื่องราวและข้อมูลสำคัญของคุณกับคนอื่น ๆ ต้ดสินใจใช้เทคโนโลยีต้นแบบเพื่อประชาสัมพันธ์งานของคุณเพื่อที่คุณจะได้ร่วมงานกับคนจำนวนมากเท่าที่จะเป็นไปได้และทำให้พวกเขาหลงเสน่ห์

 
  • การนำเสนองาน – ทำให้คนหลงเสน่ห์กับ presentation ของคุณด้วยปรับการเกริ่นนำให้เหมาะสมกับผู้ฟังเพื่อสะท้อนถึงสถานที่หรือโชว์รูปภาพของผู้ฟัง สร้างเรื่องดราม่าเพื่อขายความฝันของคุณผ่านรูปภาพ วิดีโอ และทำให้คนหลงรักสินค้าตัวอย่าง
     
  • อีเมลล์ – ปรับปรุงโอกาสของการทำให้ผู้รับสารหลงใหลด้วยการขอคำเริ่มต้น เขียนหัวเรื่องอีเมลล์ส่วนตัว เขียนอีเมลล์ให้สั้นแต่ได้ใจความ ยกยอผู้รับแบบจริงใจและร้องขอบางอย่างแบบจริงใจและเปิดเผยแต่ไม่มากจนเกินเหตุ
     
  • Twitter – Push technology ชิ้นนี้ให้คุณนำเรื่องราวของคุณสู่ผู้ติดตามด้วยข้อความสั้นจำนวนไม่เกิน 140 ตัวอักษร ลงรูปเจ๋ง ๆ และประวัติส่วนตัวลงในโปรไฟล์ของคุณ เพิ่มฐานผู้ติดตามด้วยการแบ่งปันแหล่งข้อมูล เช่น ลิ้งค์ข่าว วิดีโอ และโพสจากบล๊อก รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับผู้ใช้ Twitter คนอื่น ๆ
ส่วน Pull technology นั้นไม่มีขีดจำกัด แบ่งปันข้อมูลของคุณบนเว็บไซต์และบล๊อก Facebook LinkedIn และYoutube การที่จะทำให้ Pull technology เวิร์คกับธุรกิจของคุณ คุณจะต้องสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจที่สามารถเข้าถึงและอัพเดทได้ง่าย ซึ่งลูกค้าสามารถดูได้จากอุปกรณ์ทุกชิ้นของพวกเขาและสามารถรองรับ RSS feeds หรือการติดตามอีเมลล์ นำเอา “หลักปัญญาแบบญี่ปุ่น” มาใช้ให้เหมาะสมกับวิธีการของคุณ ลบ “ความระเกะระกะ” ออกไปจากเว็บไซต์ของคุณ สื่อสารข้อความที่สั้นกระชับและเข้าใจได้ง่าย ใช้พลังของการแนะนำให้เป็นประโยชน์ และพยายามบรรลุ “ความสอดประสานและความสมดุล”
 
 
เอาชนะลูกน้องและเจ้านาย
 
                คนงานที่ไม่มีความสุขจะไม่สามารถทำให้ลูกค้าหลงใหลได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องทำให้ลูกน้องหลงใหลในตัวคุณเสียก่อนแล้วพวกเขาก็จะตอบแทนมันในภายภาคหน้า เงินไม่ใช่สิ่งที่ลูกน้องต้องการเสมอไป แต่ความจริงแล้ว “การให้โอกาสลูกน้องได้พัฒนาตัวเอง ได้รับอิสระ และบรรลุความต้องการนั้นสำคัญยิ่งกว่า” ทำให้ลูกน้องรู้สึกมีคุณค่าโดยการในความเป็นอิสระแก่พวกเขาในการทำสิ่งที่ถูกต้องเมื่อพวกเขาต้องช่วยเหลือลูกค้า ระหว่างการทบทวนการทำงาน ทำให้ลูกน้องแปลกใจด้วยการยอมรับความผิดของคุณ ทำให้พวกเขาหลงเสน่ห์ด้วยการเห็นค่าความสำเร็จของพวกเขา ทำให้พวกเขารู้ว่าคุณมีความยินดีที่ได้พวกเขามาร่วมทีม
 
                หัวหน้าของคุณควบคุมหน้าที่การงานของคุณในหลาย ๆ ด้าน ทั้งเงินเดือน โอกาสการเลื่อนตำแหน่ง ความพึงพอใจ และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นการทำให้หัวหน้าหลงเสน่ห์ถือเป็นหัวใจของความสำเร็จของคุณเลยทีเดียว ทำมันให้สำเร็จได้ด้วยการ “ทำให้เจ้านายดูดี” ถ้าเขาสั่งให้คุณทำบางอย่างให้ คุณต้องวางมือจากสิ่งที่คุณทำอยู่แล้วทำตามที่หัวหน้าร้องขอ เมื่อได้รับโอกาสให้กำหนดเวลาส่งงาน ให้ประเมินเวลาเผื่อไว้เกินจริงเพื่อทำให้แน่ใจว่าคุณจะส่งมันก่อนเวลาได้ ยกยอหัวหน้าโดยการขอให้เขาหรือเธอแนะนำคุณ ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องบอกเรื่องที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ ให้ทำเสียแต่เนิ่น ๆ เสนอทางแก้ไขและอย่าโทษคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าของคุณ
 
 
ท้าทายความน่าหลงใหล
 
                โชคไม่ดีนักที่นักร่ายเสน่ห์บางคน “ไม่มองว่าผลประโยชน์ของคุณมาก่อน” คุณสามารถต้านทานความน่าหลงใหลได้ด้วยการอยู่ให้ห่างจากสิ่งที่ดึงดูดใจ เช่น การแวะที่ร้านค้าเมื่อมีโปรโมชั่นลดราคา เพราะคุณอาจจะต้องจบลงด้วยการซื้อบางอย่างไม่ใช่เพราะคุณต้องการมันแต่เพราะว่าข้อเสนอนั้นล่อตาล่อใจ ระวังลิมิตของคุณ ถามตัวเองว่าการตัดสินใจในวันนี้จะกระทบทั้งปีที่เหลือของคุณอย่างไร หลายคนมักจะทำตามคนส่วนใหญ่หรือตามกระแสล่าสุด บางครั้งคุณก็ต้องไม่สนใจแรงชักจูงจากคนหมู่มากเสียบ้าง