1. รีวิวสินค้าที่ไม่เคยใช้จริง ไม่โชว์
ไม่สาธิตการใช้สินค้าในวิดีโอ
ยุคนี้ผู้ชมดูออกนะครับ
และปัจจัยสำคัญมันอยู่ที่คุณไม่ได้ใช้เอง
เห็นผลเอง เอเนอร์จี้ในการส่งต่อ
ให้คนเกิดความรู้สึกอยากซื้อมันก็จะลดลงตามไปด้วย
ไอเดียในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เข้าใจความรู้สึก
ของคนดูคุณก็จะผลิตคอนเทนต์ออกมาได้ไม่น่าสนใจ
อย่างนี้คนดูก็สามารถเปรียบเทียบร้านของคุณ
กับร้านของคู่แข่งและตัดสินใจซื้อกับร้านที่เข้าใจ
ปัญหาของเค้ามากกว่ามาซื้อกับคุณนั่นเองครับ
2. บังคับให้ซื้อสินค้าแต่ไม่เคยสร้างแพสชันให้อยากซื้อ
เปิดคลิปมาเน้นขาย ขาย ขาย ขายไว้ก่อน
ซึ่งจิตวิทยาของคนคือ “ชอบซื้อ แต่ไม่ชอบถูกขาย”
ลองเปลี่ยนการขายที่บังคับให้คนต้องเชื่อในตัวสินค้า
หรือพยายามงัดทุกกลเม็ดให้ลูกค้าต้องซื้อ
ลองมาเป็น “สร้างแพสชั่น”
ในการอยากซื้อเองดีกว่าครับ
เช่น การลองใช้สินค้าให้ลูกค้าเห็นภาพ,
แสดงตัวตนของแม่ค้า หลังใช้สินค้าตัวนี้แล้ว
เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
ทริกในการขายสินค้าแบบนี้ทำให้ลูกค้า
เกิดความอยากซื้อเพิ่มขึ้นเกิน 90% ปิดการขายได้
ภายในไม่กี่นาที เพราะลูกค้ามีความต้องการ
ในสินค้าตัวนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วไงครับ
3. วิดีโอ ภาพ เสียง ไม่ชัดเจน
และขัดต่อนโยบายชุมชนติ๊กต็อก อย่าคิดว่าการเข้า
มาขายบนช่องทางติ๊กต็อกความคมชัดของ
ภาพ แสง สี เสียง
เป็นสิ่งที่ไม่สำคัญไม่ได้นะครับ
เพราะคุณภาพของคอนเทนต์เป็นสิ่งแรกที่เป็นตัว
ตัดสินเลยว่า ลูกค้าจะเปิดใจดูคลิปต่อหรือปัดทิ้งในชั่วพริบตา
ฉะนั้นร้านค้าที่ใส่ใจในเรื่องคุณภาพ
ของคอนเทนต์ย่อมขายดีกว่าร้านที่เน้น
ปริมาณคอนเทนต์ไว้ก่อนเสมอครับ
เพราะการตัดสินใจจะซื้อหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความรู้สึก
ของลูกค้าเป็นหลักครับ
ถ้าคลิปมีคุณภาพ ภาพ เสียง
กระตุ้นความรู้สึกอยากซื้อได้
ก็ถือว่าคุณตีโจทย์ข้อนี้แตกเรียบร้อย
3 ข้อที่ควรหลีกเลี่ยงในการขายของออนไลน์
ในยุคนี้เริ่มมีโอกาสขายยากขึ้นทุกที
เพราะตลาดออนไลน์เข้าออกง่าย
คู่แข่งเยอะขึ้นทุกเดือน
แต่สุดท้ายหัวใจหลักของการ
ทำการตลาดออนไลน์ก็ยัง
วัดกันที่ “คอนเทนต์ที่มีคุณภาพ” อยู่ดีนั่นเองครับ