อัตราการใช้โซเชียลมีเดียมีแต่จะสูงขึ้นในทุกปี
ผู้คนยุคใหม่และองค์กรขนาดใหญ่เริ่มลุยบุกตลาดโซเชียล
เพื่อเป็นอีกช่องทางในการช่วยลดความเสี่ยงให้กับธุรกิจ
ในประเทศไทยมีผู้ใช้โซเชียลสูงถึง 81.2%
เฉลี่ยการใช้งานต่อวันวันละ 3 ชั่วโมง
เป็นข้อดีที่คุณจะรู้จักการใช้ insight ให้สร้างยอดขายให้กับธุรกิจคุณ
1. หากลุ่มเป้าหมายชัดเจนขึ้นด้วยการส่อง
“พฤติกรรมการใช้งาน”
พฤติกรรมการใช้งานของคนในโซเชียล
เป็นเหมือนสารตั้งต้นอย่างดีที่จะนำไปทำคอนเทนต์
คอนเทนต์ที่ทำให้เกิดยอดขายได้มากคือ
คอนเทนต์ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนส่วนใหญ่
ใส่ใจพฤติกรรมของลูกค้า
แล้วสื่อสารออกไปให้โดนปัญหาของเขา
สร้างแบรนดิงให้ลูกค้าจดจำถือว่าเป็นข้อดี
ที่เมื่อลูกค้าจะซื้อสินค้าจะนึกถึงคุณเป็นคนแรก
2. ไขข้อข้องใจแพลตฟอร์มไหนที่ “ยอดนิยม” ในปีนี้
พลาดไม่ได้เลยที่จะไม่ทำการตลาดกับ 4 แพลตฟอร์มนี้
อย่างยูทูบ, เฟซบุ๊ก, อินสตราแกรมและติ๊กต่อก
ซึ่งแพลตฟอร์มที่มีคนใช้เวลานานกว่า
ย่อมยอดนิยมกว่าคุ้มที่จะลงแรงลุยการตลาด
ปีนี้ติ๊กต่อกเป็นแพลตฟอร์มที่มาแรงเป็นอันดับ
3
รองจากเฟซบุ๊กและยูทูบ
เป็นโอกาสดีที่ไม่ได้แรงจนเกินไปหรือน้อยไป
โอกาสลุยตลาดเพื่อเป็นเจ้าตลาดก่อนคู่แข่ง
มีความง่ายแฝงไปด้วยความเป็นไปได้
มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นในปีนี้
การมองเห็นยังดีมากอยู่
การยิงโฆษณาในแพลตฟอร์มนี้คนยังตามไม่ทัน
คุณยังอยู่ในช่วงเฟสหอมหวานที่จะกอบโกย
เงินล้านจากแพลตฟอร์มที่ต้นทุนน้อย
กลุ่มลูกค้าหลากหลาย มีคุณภาพ
คู่แข่งนับนิ้วได้อย่าง “ติ๊กต่อก”
3. อินฟลูเอนเซอร์มาแรงพร้อมพาธุรกิจคุณโตแซงหน้าคู่แข่ง
ในช่วงปีที่ผ่านมาการตลาดในโซเชียลมีเดียเติบโตอย่างรวดเร็ว
ยิ่งโซเชียลมีเดียเข้ามาครองเมืองมากเท่าไร
ตลาดอินฟลูเอนเซอร์ยิ่งร้อนแรงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น
ประเภทของอินฟลูเอนเซอร์มีให้เลือกหลากหลาย
ทั้งอินฟลูเอนเซอร์ที่เชี่ยวชาญเรื่องอาหาร
ก็เหมาะกับการจ้างมารีวิวธุรกิจอาหาร
อินฟลูเอนเซอร์ที่กลุ่มวัยรุ่นติดตามเยอะ
เหมาะกับสินค้าที่ต้องเกาะเทรนด์กระแส
อย่างเช่น เสื้อผ้า
เครื่องสำอาง
สินค้าแฟชั่น
ข้อดีอีกข้อก็คือ
เป็นการใช้ต้นทุนที่ต่ำ
แต่อาจจะสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์แบรนด์
ได้อย่างมหาศาลยิ่งกว่าการลงทุนใช้พรีเซนเตอร์ราคาสูง
เหมือนกับการตลาดยุคเก่าๆ ซะอีก