อนาคตเส้นทางของอาชีพนักขายจะเป็นอย่างไรต่อไป
จะรุ่งโรจน์ หรือ ล่มสลาย ?
จากประสบการณ์ด้านงานขายที่ผ่านมาเป็นเวลา 8 ปี ของผม
ผมมองว่า “ทักษะการขาย” ไม่ว่าจะเป็นการเข้าหาลูกค้า การนำเสนอต่าง ๆ
จะกลายเป็นที่แพร่หลายกระจายไปสู่คนทั่วไปมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุผลที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดใจของอาชีพนักขายที่สามารถทำรายได้สูงที่สุดอาชีพหนึ่ง !!
โดยที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับเวลาเข้างาน 8 โมงเช้า ยาวไปจนถึง 5 - 6 โมงเย็น (บางครั้งอาจมี OT จนดึกดื่น)
แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเองล้วน ๆ
ทำให้สามารถกุมชะตารายได้ด้วยมือตัวเองโดยไม่ต้องรอให้ใครมาขึ้นเงินเดือน
แถมยังมีอิสระในการบริหารจัดการเวลาชีวิตในแต่ละวันได้อีกด้วย
อาชีพนักขายจึงตอบโจทย์ Life Style ในฝันของคนยุคใหม่
ดังนั้นนอกจากที่อาชีพนักขายจะไม่สูญสลายไปไหนแล้ว
กลับยังจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอีก 1 – 2 ปีข้างหน้านี้อีกด้วย
และสำหรับสิ่งที่นักขายในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากเดิมก็จะมีดังนี้ครับ
1) “นักขาย” จะเป็นอาชีพที่หลากหลายไปสู่ผู้คนมากขึ้น
ด้วยทักษะการขาย + เครื่องมือในโลกออนไลน์ ที่ช่วยดันคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ no name
ให้กลายเป็นที่รู้จักได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างที่เราได้เห็นกันมาหลายคน
จากการก่อร่างสร้างฐานแฟน follower จนมีอยู่ในกำมือระดับหนึ่ง ก็สามารถที่จะเป็นเจ้าของแบรนด์ได้แล้ว
อาชีพนักขายจึงแตกหน่อออกไปเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เป็นตัวแทนแบรนด์ ตัวแทนประกันชีวิต ฯลฯ
รวมถึงเป็นอาชีพที่สองของใครหลาย ๆ คนอีกด้วย
2) วิธีการเข้าหาลูกค้า
ด้วยอิทธิพลของกระแสคลื่นสึนามิ social media ที่เชื่อมต่อผู้คนให้เข้าถึงกันได้เพียงปลายนิ้วสไลด์
สามารถเป็นตะแกรงช่วยกรองลูกค้าที่จะเข้ามาได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์
ด้วยวิธีการโพสท์ content , ส่งข้อความ , ทักแชท ฯลฯ ดึงดูดเฉพาะผู้ที่มีความสนใจจริง ๆ เข้ามาเป็นลูกค้าที่ “ใช่”
จนมั่นใจได้เลยว่ามีโอกาสที่เราจะปิดการขายไม่ต่ำกว่า 90%
เพราะการเลือกลูกค้าที่ “ไม่ใช่” จะทำให้ต้องวิ่งชนกำแพงการปฏิเสธอยู่บ่อย ๆ
จนถอดใจยอมแพ้คิดว่า “เราคงไม่ได้เกิดมาเพื่ออาชีพนี้”
จำไว้นะครับว่า “นักขายที่ดี ควรจะตัดลูกค้าที่ไม่ใช่ก่อนที่เขาจะปฏิเสธเรา”
3) Life Style
นักขายไม่จำเป็นต้องนั่งติดโต๊ะหมกตัวทำงานอยู่แต่ในออฟฟิศเพียงอย่างเดียว
ด้วยเทคโนโลยีออนไลน์ที่เอื้อให้นักขายสามารถ connect กับลูกค้าจากที่ไหน เวลาใดก็ได้
เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนอยู่ในมือ ก็มี life style ในแบบที่ต้องการได้โดยที่ไม่เสียงานแต่อย่างใด
รวมถึงเจ้าของธุรกิจที่เป็นนักขาย ก็จะยิ่งได้ทวีความสามารถในการขายไปได้จนถึงขั้นสูงสุด
ด้วยการสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ที่เจาะใจลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
ชีวิตนักขายจึงไม่ต้องแกะตัวเองออกจากที่นอนในตอนเช้า เพื่อไปแน่นิ่งเป็นอัมพาตอยู่บนท้องถนน
หรือผจญภัยกับฝูงชนบน BTS , MRT
และถ้าหากคุณยังกังวลว่า “มีแต่คนขายของเยอะ ๆ แล้วใครจะเป็นคนซื้อ !!?”
ก็อย่าลืมว่า บางครั้งคนขายก็ต้องเปลี่ยนบทบาทเป็นคนซื้อด้วยเหมือนกัน
หมุนเวียนกันไปเป็นวัฏจักรอย่างนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับ
จะรุ่งโรจน์ หรือ ล่มสลาย ?
จากประสบการณ์ด้านงานขายที่ผ่านมาเป็นเวลา 8 ปี ของผม
ผมมองว่า “ทักษะการขาย” ไม่ว่าจะเป็นการเข้าหาลูกค้า การนำเสนอต่าง ๆ
จะกลายเป็นที่แพร่หลายกระจายไปสู่คนทั่วไปมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุผลที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดใจของอาชีพนักขายที่สามารถทำรายได้สูงที่สุดอาชีพหนึ่ง !!
โดยที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับเวลาเข้างาน 8 โมงเช้า ยาวไปจนถึง 5 - 6 โมงเย็น (บางครั้งอาจมี OT จนดึกดื่น)
แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเองล้วน ๆ
ทำให้สามารถกุมชะตารายได้ด้วยมือตัวเองโดยไม่ต้องรอให้ใครมาขึ้นเงินเดือน
แถมยังมีอิสระในการบริหารจัดการเวลาชีวิตในแต่ละวันได้อีกด้วย
อาชีพนักขายจึงตอบโจทย์ Life Style ในฝันของคนยุคใหม่
ดังนั้นนอกจากที่อาชีพนักขายจะไม่สูญสลายไปไหนแล้ว
กลับยังจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอีก 1 – 2 ปีข้างหน้านี้อีกด้วย
และสำหรับสิ่งที่นักขายในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากเดิมก็จะมีดังนี้ครับ
1) “นักขาย” จะเป็นอาชีพที่หลากหลายไปสู่ผู้คนมากขึ้น
ด้วยทักษะการขาย + เครื่องมือในโลกออนไลน์ ที่ช่วยดันคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ no name
ให้กลายเป็นที่รู้จักได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างที่เราได้เห็นกันมาหลายคน
จากการก่อร่างสร้างฐานแฟน follower จนมีอยู่ในกำมือระดับหนึ่ง ก็สามารถที่จะเป็นเจ้าของแบรนด์ได้แล้ว
อาชีพนักขายจึงแตกหน่อออกไปเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เป็นตัวแทนแบรนด์ ตัวแทนประกันชีวิต ฯลฯ
รวมถึงเป็นอาชีพที่สองของใครหลาย ๆ คนอีกด้วย
2) วิธีการเข้าหาลูกค้า
ด้วยอิทธิพลของกระแสคลื่นสึนามิ social media ที่เชื่อมต่อผู้คนให้เข้าถึงกันได้เพียงปลายนิ้วสไลด์
สามารถเป็นตะแกรงช่วยกรองลูกค้าที่จะเข้ามาได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์
ด้วยวิธีการโพสท์ content , ส่งข้อความ , ทักแชท ฯลฯ ดึงดูดเฉพาะผู้ที่มีความสนใจจริง ๆ เข้ามาเป็นลูกค้าที่ “ใช่”
จนมั่นใจได้เลยว่ามีโอกาสที่เราจะปิดการขายไม่ต่ำกว่า 90%
เพราะการเลือกลูกค้าที่ “ไม่ใช่” จะทำให้ต้องวิ่งชนกำแพงการปฏิเสธอยู่บ่อย ๆ
จนถอดใจยอมแพ้คิดว่า “เราคงไม่ได้เกิดมาเพื่ออาชีพนี้”
จำไว้นะครับว่า “นักขายที่ดี ควรจะตัดลูกค้าที่ไม่ใช่ก่อนที่เขาจะปฏิเสธเรา”
3) Life Style
นักขายไม่จำเป็นต้องนั่งติดโต๊ะหมกตัวทำงานอยู่แต่ในออฟฟิศเพียงอย่างเดียว
ด้วยเทคโนโลยีออนไลน์ที่เอื้อให้นักขายสามารถ connect กับลูกค้าจากที่ไหน เวลาใดก็ได้
เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนอยู่ในมือ ก็มี life style ในแบบที่ต้องการได้โดยที่ไม่เสียงานแต่อย่างใด
รวมถึงเจ้าของธุรกิจที่เป็นนักขาย ก็จะยิ่งได้ทวีความสามารถในการขายไปได้จนถึงขั้นสูงสุด
ด้วยการสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ที่เจาะใจลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
ชีวิตนักขายจึงไม่ต้องแกะตัวเองออกจากที่นอนในตอนเช้า เพื่อไปแน่นิ่งเป็นอัมพาตอยู่บนท้องถนน
หรือผจญภัยกับฝูงชนบน BTS , MRT
และถ้าหากคุณยังกังวลว่า “มีแต่คนขายของเยอะ ๆ แล้วใครจะเป็นคนซื้อ !!?”
ก็อย่าลืมว่า บางครั้งคนขายก็ต้องเปลี่ยนบทบาทเป็นคนซื้อด้วยเหมือนกัน
หมุนเวียนกันไปเป็นวัฏจักรอย่างนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับ