“ข้อมูลลูกค้า” ที่ต้องรู้ไว้ ก่อนพ่ายแพ้ทางธุรกิจ
ในยุคที่ศัพท์ใหม่ “Big Data”
ถูกพูดถึงและให้ความสำคัญ
#แล้วคำนี้เกี่ยวกับเรายังไง ?
สำหรับบางคนอาจฟังดูไกลตัว
สำหรับบางคนที่เน้นแต่ทำยอดขาย
อาจมีคำถามผุดขึ้นในใจว่า...
“นั่นสิ แล้วมันเกี่ยวกับฉันด้วยเหรอ ?”
เผื่อใครยังไม่เห็นในมุมลึก
ผมขอพาคุณเจาะเข้าไปไกล้ตัวขึ้นครับ
เพราะต้องยอมรับแล้วว่า
เดี๋ยวนี้ทั้งคุณและผม
รวมถึงใครอีกหลายคน
ก็ต้องพึ่งพาเฟสบุ๊คทำการตลาด
ไม่ว่าจะเป็นสถิติหลังบ้าน
ให้เอาไปวิเคราะห์เพื่อต่อยอด
ไม่ว่าจะการยิงโฆษณา
ก็มี AI เข้ามาช่วยประมวลผล
เพื่อหว่านออกไปถึงกลุ่มเป้าหมายตัวจริง
ไหนจะ Chatbot ที่มาช่วยจำแนก
ลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ ไว้หากลยุทธ์
เข้าไปรองรับแต่ละกลุ่มอีกที
หรือแม้แต่ข้อมูลที่คุณสอบถามลูกค้า
จากปากของเค้าเองในแชท
ทุกข้อมูลทั่วทั้งสากลโลกนี้
คือกุญแจไขประตูสู่ยอดหลักล้านทั้งสิ้น
ซึ่ง “ข้อมูลลูกค้า” ที่ได้จากแต่ละแหล่ง
สามารถแปลงสภาพเป็น “ความได้เปรียบ”
ในลักษณะเหล่านี้ได้ครับ
1. คอนเทนต์เน้นจุดสำคัญ
ไม่ว่า Selling Point ที่ตรงตาม
ความต้องการของลูกค้า
หรือ Trigger Point ที่จี้จุด
ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่าย
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากที่คุณได้คุยเอง
หรือใช้ Chatbot เข้าช่วย
เหล่านี้คือข้อมูลรายบุคคล
ที่คุณเก็บมา จัดเรียง แยกแยะ
และแบ่งกลุ่มทำคอนเทนต์ได้
#เพราะกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่แน่ใจ
ที่เค้ายังจด ๆ จ้อง ๆ ก็ต้องมองหา
ความมั่นใจบางอย่างก่อนเข้ามาทัก
คอนเทนต์ที่ถูกประเภทกับเค้า
จะช่วยขยับเค้าให้เข้าใกล้ปุ่ม Inbox
#กลุ่มเป้าหมายที่ทักแล้วแต่ยังลังเล
ที่เค้ายังไม่กล้าตัดสินใจ ก็ต้องรอดู
กระแสสังคมซัพพอร์ทเพิ่มเติม
คอนเทนต์ที่ถมจุดที่ขาดให้เต็ม
ย่อมปูทางไปสู่การซื้อได้ไวขึ้น
#แม้แต้กลุ่มลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว
คุณก็ยังยั่วเค้าให้อยากเพิ่มได้อีก
ซึ่งนี่คือ “จุดสำคัญ” ในการทำยอดขาย
ที่ผมขอยกยอดไปพูดถึงในข้อ 3 ครับ
2. ยิงโฆษณาหาลูกค้าเพิ่ม
ข้อมูลที่ตั้งต้นมาดี
ไม่ว่าจะจากคนที่มี Engagement
ในคอนเทนต์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
หรือจากข้อมูลส่วนตัว
ของลูกค้าที่เคยซื้อกับคุณ
อย่าง อีเมล , เบอร์มือถือ
สิ่งเหล่านี้คือ “มหาขุมทรัพย์ข้อมูล”
ที่คนทำธุรกิจต้องมีในมือ
เพราะคุณคงไม่อยากหาลูกค้าใหม่เพิ่ม
ด้วยการเริ่มต้นอีกครั้งจาก 0
โดยที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า
เค้าจะมีความสนใจที่เหมือนกับ
ลูกค้าเก่าที่น่ารักของเราไหม
ดังนั้น การใส่ใจเก็บข้อมูลลูกค้าไว้
จึงถือเป็นหน้าที่ของคุณ
จากนั้นการหาลูกค้าใหม่ที่คล้ายกัน
ค่อยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ AI ไปครับ
3. เปิดการขายครั้งที่ 2
ตามที่สัญญาไว้ในข้อ 1
อันจะทำให้คุณทำยอดขายเพิ่มขึ้น
โดยต้นทุนค่าโฆษณาเท่าเดิม
นั่นก็คือการขายให้ “ลูกค้าเก่า” ครับ
เพราะคุณคงไม่อยากขายแค่ครั้งเดียว
แล้วต้องหาลูกค้าใหม่มาทดแทนตลอด
ไม่งั้นคงจะขยายฐานลูกค้า
ให้ธุรกิจเติบโตไปข้างหน้าได้ยาก
ในขณะที่ถ้าคุณไม่มีข้อมูล
ทางด้านปัญหา ความต้องการ
รวมถึง Condition เฉพาะแต่ละกลุ่ม
คุณจะตามไปเพิ่ม Value ใหม่ ๆ
ให้ลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ ถูกได้ยังไง ?
ลูกค้าเก่าที่เปิดใจให้คุณมาแล้วหนหนึ่ง
ยิ่งง่ายต่อการเปิดใจขึ้นไปอีกในหน 2
(ถ้าไม่ไปทำอะไรให้เค้าเข็ดหลาบ)
แล้วยิ่งคนขายช่างรู้ใจ
นำเสนอในสิ่งที่อยากได้เพิ่ม
โอกาสที่เค้าจะปล่อยมือคุณ
แล้วหันไปซบอกคู่แข่งนั้น
แทบจะไม่มีเลยล่ะครับ
ผมเสียดายแทนหลายคน
ที่ขายของมานาน ลูกค้าผ่านมือมาเยอะ
แต่กลับไม่เคยเก็บข้อมูลอะไรเค้าไว้เลย
แต่ไม่เป็นไรครับ เริ่มตอนนี้ก็ยังไม่สาย
เพราะข้อมูลลูกค้าในมือ
ถือเป็นอาวุธแห่งความได้เปรียบ
“ยุคนี้ใครผูกขาดข้อมูล คนนั้นเป็นผู้ชนะ”
รู้อย่างนี้แล้ว ขอให้เก็บรายละเอียดสำคัญ
ของลูกค้าเอาไว้ให้มากที่สุดนะครับ