ยอดขายที่ได้จะมากหรือน้อยแค่ไหน
ขึ้นกับสมการแค่ 2 ตัว เท่านั้นครับ
#สมการแรก
เป็นเรื่องของเปอร์เซ็นต์
ที่สามารถปิดการขายได้
มีลูกค้าทักมาสัก 100 คน
คุณปิดการขายได้กี่คน ?
ปิดได้มาก ยอดขายก็มากตาม
#สมการที่สอง
เป็นเรื่องของยอดขายต่อหัว
ที่สามารถทำได้
ลูกค้าที่ซื้อกับคุณแต่ละคน
คุณทำให้เค้าซื้อได้กี่ชิ้น ?
เก็บยอดต่อหัวได้มาก
ก็จะทวีคูณยอดขายขึ้นไปอีก
วิธีการสำหรับสมการแรก
ผมเคยพูดถึงไปแล้ว
ใน https://bit.ly/2rjDppY
(คุยกับลูกค้ายังไง
ไม่ให้ยอดขายหลุดมือ ?)
ส่วนวิธีการของสมการที่สอง
ที่คุณจะได้ยอดขายทวีคูณ
จากลูกค้าแต่ละคนนั้น
ผมจะมาบอกคุณดังต่อไปนี้ครับ
1. อย่าหวังพึ่งแต่ “โปรโมชั่น”
เป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง
สำหรับใครหลายคนที่มองแค่ว่า...
เราจะสามารถเพิ่มยอดขายต่อหัวได้
เฉพาะตอนที่จัดโปรโมชั่นเท่านั้น
ผมบอกเลยว่า “ไม่เสมอไปครับ”
เพราะถ้าหวังที่พึ่งทางใจ
จากโปรโมชั่นแค่ทางเดียว
ที่เอะอะก็ลด แลก แจก แถม
มันจะทำให้คุณ
ได้กำไรจริง ๆ ที่บางลง
และยังทำไม่ได้บ่อย ๆ ด้วย
ซึ่งต้องขอดักคอเลยนะครับว่า...
ถ้าจัดโปรโมชั่นบ่อยเกินไป
จะมีผลเสียระยะยาวมากกว่าด้วย
คือลูกค้าจะติดนิสัย
“เสพติดโปรโมชั่น”
เมื่อไหร่ที่ไม่มีโปรฯ แล้วล่ะก็
ต่อจากนี้ไปคุณจะแทบขายไม่ได้เลย
เรียกว่า “ราคาโปรโมชั่น”
กลายเป็น “ราคาปกติ”
ไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งที่มีวิธีการที่ทำให้
ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่านี้
ด้วยจำนวนที่ขายได้เยอะแทน
แถมยังทำได้เรื่อย ๆ อีกต่างหาก
ถ้าอยากจะรู้ถึงวิธีที่ว่า
แนะนำให้อ่านข้อต่อไปเลยครับ
2. มัดรวมให้เป็น “เซต”
อันที่จริงคุณสามารถขายไอเดีย
Educate ให้ลูกค้าได้ว่า...
เค้าต้องใช้อะไรบ้าง
ถ้าอยากไดผลลัพธ์แบบที่ต้องการ
“หายเร็วกว่า”
“ได้ผลดีกว่า”
“เห็นผลไวกว่า”
แล้วแยกออกเป็นเซต
ตามความต้องการนั้น ๆ
เสิร์ฟให้เค้าไปเลยครับ
“เซตเร่งขับผิวออร่า”
“เซตย้อนวัยเบญจเพส”
“เซตถอนไขมัน”
ฯลฯ
Create ตามสินค้าที่คุณมี
จัดเซตตามปัญหายอดนิยม
แล้วแต่คุณจะตั้งชื่อให้มัน
แบบนี้ลูกค้าจะเข้าใจ เห็นภาพ
และยอมรับที่จะซื้อในจำนวนมาก
ด้วยความรู้สึกที่สมเหตุสมผล
โดยไม่ต้องออกหน้าด้วยโปรโมชั่น
3. นำเสนอ “สินค้าข้างเคียง”
เอาจริง ๆ ไม่ค่อยมีหรอกครับ
สินค้าตัวไหนที่ใช้แค่ตัวเดียว
แล้วจบครบทุกอย่าง
ยังไงก็ต้องมีสิ่งอื่น
ที่ใช้ประกอบกันไปด้วยเสมอ
ไม่เชื่อลองไปดูที่โต๊ะเครื่องแป้ง
หรือหน้ากระจกในห้องน้ำของคุณสิครับ
ว่ามีอะไรเรียงรายอยู่
เกิน 1 ชิ้นใช่ไหม ?
ลูกค้าก็แบบนั้นเหมือนกันครับ
ยังไงเค้าก็ไม่ได้แค่ล้างหน้า
เพียงอย่างเดียวอยู่แล้ว
ยังมีคลีนเซอร์ล้างเครื่องสำอาง
ไหนจะสำลีที่ใช้อีก
แล้วยังตามด้วยน้ำแร่ เซรั่ม
ไนท์ครีม เดย์ครีม อีก 6 – 7 ตัว
ไม่ออกหมัดแย๊บถามเค้าดูบ้างล่ะครับ
ว่า “เซรั่มตัวเดิมใกล้หมดหรือยังคะ ?”
เพื่อที่คุณจะได้นำเสนอตัวใหม่
แนะนำให้เค้าลองไปใช้
ว่ามันแตกต่างจากตัวเก่ายังไง
เหมาะกับลักษณะผิวของเค้ายังไง
หรือถ้าคุณขาย Cosmetic
ก็ไม่แปลกที่จะถามถึงของแต่งหน้า
ตัวอื่น ๆ ที่ต้องใช้ด้วยกัน
“รองพื้นพี่ใกล้จะหมดหรือยังคะ ?”
“ถ้าจวนหมดแล้ว
ขออนุญาตเล่าตัวใหม่ให้ฟัง
เพราะน่าจะเหมาะกับพี่ค่ะ”
ก็บรรยายให้น่าสนใจไปเลยครับ
โอกาสที่คุณจะเบิ้ลยอดขายได้
มีมาแน่นอน
เพราะคุณไม่จำเป็นต้องขาย
แค่เฉพาะที่ลูกค้าสั่งซื้อ
แต่คุณยังสามารถนำเสนอ
สิ่งอื่นที่ตีคู่ไปด้วยกันได้
ยังไงลูกค้าก็ต้องใช้ด้วยกันอยู่แล้ว
...............................
คงได้คำตอบแล้วใช่ไหมครับ
ว่าถ้าคุณอยากได้ยอดขายเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะยอดขายต่อหัว
ลูกค้ามาที ซื้อกันครั้งละเยอะ ๆ
ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องยอม
ถล่มกำไรเพื่อเอาแต่จำนวนลูกค้า
หรือซื้อของถูกเยอะ ๆ เข้าว่า
ถ้าคุณคิดมาดี ทำการบ้านมาดี
ด้วยวิธีการง่าย ๆ ที่ผมแนะนำ
ยังไงก็สามารถเพิ่มยอดขายต่อหัว
ได้แน่นอนอยู่แล้ว
ถ้าอยากเพิ่มยอดขายต่อหัวเก่ง ๆ
แนะนำว่าอ่านจบก็ ‘แชร์เก็บไว้อ่าน’
เพื่อนำไปฝึกใช้บ่อย ๆ เลยครับ