จริงอยู่นะครับที่การเป็นตัวแทนนั้น
เป็นงานที่อิสระ ไม่มีใครมาตั้งยอดขาย
บังคับให้คุณต้องทำให้ถึงเป้า
แต่ก็ไม่อยากให้ลืมไปว่า
แท้จริงแล้วคุณก็คือ “นักขาย” คนหนึ่ง
นักขายที่ดีและประสบความสำเร็จ
จะต้องมีเป้าหมายที่ท้าทายตัวเองมากพอ
จึงจะเหนี่ยวนำสู่ความสำเร็จได้
เพราะผมเชื่อว่าที่คุณก้าวมาเป็นตัวแทน
ก็คงไม่ได้เพียงเพื่อรายได้ที่มากขึ้น
หรือเลี้ยงชีวิตไปแต่ละเดือนแค่นั้น
แต่ข้างในลึก ๆ คุณปรารถนา
ความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ
พิสูจน์ถึงความสามารถ
ลบคำสบประมาทให้ใครต่อใครได้เห็น
ผ่านทางผลลัพธ์เดือนละหลายหลัก
ที่มากกว่างานประจำเป็นเท่าตัว
ซึ่งการมี “เป้าหมาย” นี่แหละครับ
คือสิ่งที่จะทำให้คุณได้ทั้งหมดนั้น
ว่าแต่เป้าหมายที่คุณควรตั้งนั้นมีอะไรบ้าง ?
มาครับ ผมจะมาแชร์ให้ฟังดังนี้
1. “ตั้งเป้ายอดขาย” ไว้พิชิตส่วนตัว
โดยทั่วไปทางแบรนด์หรือแม่ทีมของคุณ
มักจะมีเป้ายอดขายที่จะพิชิตร่วมกัน
มาอยู่แล้วก็จริง
แต่นั่นเป็นเป้าหมายรวม
ที่จะทำร่วมกันซะมากกว่า
ไม่ได้แตกออกมาเป็นเป้าของแต่ละคน
ที่ชัดเจนว่าใครควรทำให้ได้ถึงเท่าไหร่
ในขณะที่การมีเป้าของตัวเอง
ที่ปักธงแบบชัดเจน
จะทำให้คุณมี “แรงฮึด”
มากกว่าการขายไปเรื่อย ๆ
คุณก็ต้องมาประเมินตัวเองดูว่า
คุณมีทักษะอะไรในการขาย
อยู่ในระดับไหน
แล้วมีความเป็นไปได้ที่จะทำยอดขาย
ไต่ไปได้ถึงสักเท่าไหร่
จากนั้นเพิ่มระดับให้ท้าทายตัวเอง
ขึ้นมาอีกสักหน่อยตามที่เห็นว่าเหมาะสม
แต่ไม่ถึงกับกดดันตัวเองจนเกินไป
ไม่ต้องเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบ
จนถึงกับยึดเป็นเสาหลัก
เพราะแต่ละคนก็มีอัตราการเติบโต
ของตัวเองที่แตกต่างกัน
บางคนเค้าอาจออกตัวเร็ว
พีคขึ้นไปถึงระดับหนึ่งก็เริ่มชะลอตัว
ไม่ค่อยมีอะไรที่ก้าวกระโดดแล้ว
บางคนไปในระดับที่ไม่หวือหวา
แต่มีพัฒนาการไปได้อย่างสม่ำเสมอ
ในขณะที่บางคนอาจออกตัว
แบบค่อย ๆ ไปช้า ๆ ทีละนิด
พอถึงจุดที่เข้าใจตกผลึกทุกอย่าง
ทีนี้พุ่งไวแบบติดจรวดเลยก็มี
ดังนั้นไม่ได้ซีเรียสว่าจะช้าหรือเร็วแค่ไหน
แต่ทุกปี ทุกไตรมาส คุณต้องมีการเติบโต
ซึ่งการมีเป้าหมายที่สูงกว่าตัวเอง
ให้ปีนป่ายพิชิตอยู่เรื่อย ๆ
จะทำให้คุณค้นหาวีธีการใหม่ ๆ
พัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่ได้ผล
สำหรับเป้าหมายของตัวเอง
และในที่สุดมันจะนำพาคุณ
ไปสู่การเติบโตอย่างแน่นอนครับ
2. “สร้างฐานตัวแทน” ควบคู่กับฐานลูกค้า
ผมไม่ได้หมายถึงให้คุณ
สร้างทีมตั้งแต่แรกเลยนะครับ
เพราะการสร้างทีม
คุณต้องมีความสามารถในระดับ
ที่คนเค้าเชื่อถือ และสอนคนอื่นได้
แต่ในทีนี้ผมหมายถึงการค่อย ๆ
สั่งสมผู้ติดตาม สร้างฐานเอาไว้ตั้งแต่ปัจจุบัน
เพื่อผันคนที่สนใจมาเป็นตัวแทนในอนาคต
ทุกครั้งที่คุณมีความรู้ วิธีการ ผลลัพธ์ใหม่ ๆ
สามารถเอามาแชร์ ถ่ายทอดให้คนอื่นฟัง
ค่อย ๆ ปล่อยออกมาอย่างสม่ำเสมอ
เพราะของแบบนี้ต้องอาศัยระยะเวลาครับ
ไหนจะความเชื่อถือ ไหนจะความมั่นใจ
ที่เค้าจะหวังฝากฝังกับคุณได้
บางคนที่มาสมัครเป็นตัวแทน
บอกด้วยซ้ำว่า เค้าติดตามมาตั้ง 6 เดือน
ใช่ครับ มันมักจะเป็นแบบนั้นแหละ
ดังนั้นคุณจึงต้องคอยหยอดเมล็ดพันธุ์
รดน้ำให้อยู่เรื่อย ๆ มีวิธีการที่ทำให้เค้า
ใกล้ชิดกับคุณเค้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ใช่แค่สร้างฐานลูกค้า
ด้วยการโพสท์ทุกอย่างที่เป็นการขาย
เพียงอย่างเดียว
แต่คุณต้องสร้างฐานตัวแทนล่วงหน้า
ด้วยการโพสท์ให้ความรู้และโอกาสทางธุรกิจ
เพื่อสร้างทีมมาช่วยกันขายต่อไปในอนาคตด้วย
3. “อัพเกรดตัวเอง” ตลอดเวลา
สิ่งที่จะทำให้คุณพัฒนา
เติบโตขึ้นไปได้เสมอไม่มีวันหยุดนิ่ง
คือการอัพเกรดเวอร์ชั่นเดิมของตัวเอง
ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
ซึ่งไม่ได้เจาะจงเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
แต่ควรจะเป็นทุกเรื่องเลยล่ะครับ
ไม่ว่าจะเป็นอัพเกรดทักษะที่ทำได้ดีอยู่แล้ว
การปรับภาพลักษณ์ให้เหมาะกับธุรกิจ
หรือแม้แต่การสร้าง Asset อะไรใหม่ ๆ
เพิ่มให้กับธุรกิจของคุณเอง
เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งเราจะต้อง
Leverage ยอดขาย ขยับขยายการเติบโต
สร้างทีมให้ใหญ่ขึ้น
รับผิดชอบในสิ่งที่ใหญ่ขึ้น
ซึ่งทั้งหมดต้องการศักยภาพที่ใหญ่พอ
คุณถึงจะก้าวไปสู้จุดที่ใหญ่กว่านั้นได้
บางเรื่องคุณอาจไม่ถนัด ไม่ตรงจริต
ไม่ค่อยชอบมันสักเท่าไหร่
แต่คนที่จะเติบโต ก้าวไกล ก้าวใหญ่
ต้องไม่ให้ความรู้สึกเหล่านี้มาเป็น
กำแพงกั้น และพร้อมจะทะลุมันอยู่เสมอ
อย่างน้อยคุณอาจไม่ได้เก่งสุด ๆ
ในเรื่องนั้น ก็สามารถคุมอยู่ด้านบน
โดยมีคนที่เก่งมาช่วยกันตรงนี้ก็ได้ครับ
.................................
เรื่องของการตั้งเป้าหมาย พัฒนาตัวเอง
เพื่อการเติบโตไปถึงหลักแสน หลักล้าน
อาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยก็จริง
แต่ถ้าคุณปรารถนาการมีชิวีตที่ดี
และความสำเร็จที่มากพอ
“ความยาก” มันไม่เคยตัวใหญ่กว่า
“ความพยายาม” ของคุณอยู่แล้วล่ะครับ
นอกซะจากว่าคุณไม่ได้อยากเป็น
ตัวแทนที่ขายดีไปได้ระยะยาว
ขายได้สั้น ๆ แค่วันนี้พรุ่งนี้ก็พอใจแล้ว
อันนั้นก็ไม่ต้องพัฒนาตัวเองก็ได้ครับ