“วิธีทดสอบลูกทีม” คนไหนควรปล่อยไป คนไหนควรโฟกัส


Blog Detail

 
ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดถึง
“5 Checklist การเลือกปั้นตัวแทน”
เพื่อคัดมาเฉพาะคนที่มีคุณสมบัติ
เหมาะแก่การปั้นให้เติบโตจริง ๆ
 
ที่ต้องพูดถึงประเด็นนี้ ไม่ได้หมายความว่า
เราไม่ให้ความเท่าเทียมกับใครนะครับ
 
แต่คุณเองมีเวลาและพลังงานจำกัด
การเลือกใครสักคน จึงควรเลือกคนที่
น่าผลักดันส่งเสริมจริง ๆ
 
(ถ้ายังไม่ได้อ่านหรือลืมไปแล้ว
แนะนำที่ลิงค์นี้เลยครับ
“5 Checklist การเลือกปั้นตัวแทน”)
 
เมื่อครั้งนั้นคุณได้รู้ไปแล้ว
ถึงลักษณะของคนที่คุณควรโฟกัส
 
มาในครั้งนี้ผมก็จะบอกเพิ่มอีก
ถึงวิธีการที่จะใช้ทดสอบว่าเค้า
มีลักษณะตามนั้นจริง ๆ หรือเปล่า
โดยไม่ต้องถึงกับแสกนสมองกันแต่อย่างใด
 
ว่าแล้วก็ไปเริ่มกันทีละข้อกันเลยครับ
 
 
1. มอบหมายหน้าที่นอกเหนือจากเดิม
 
คนไหนจะจำกัดตัวเองอยู่ในกรอบ
หรือมีมุมมองพร้อมขยายตัวเองไปกว่าเดิม
 
วิธีง่าย ๆ เลย คือมอบหมายหน้าที่
ที่นอกเหนือไปจากเดิมให้เค้าทำ
แล้วก็รอดู Feedback  ที่ตามมาครับ
 
สิ่งที่คุณจะได้เห็นมักเป็นลักษณะที่ว่า...
 
บ่นกระจาย
“ทำไมต้องให้ฉันทำเรื่องนี้ด้วย ?
“มันใช่หน้าที่ของฉันไหม เงินก็ได้เท่าเดิม ?
 
หรือยอมรับได้
“อ๋อได้ค่ะพี่ เดี๋ยวหนูจัดการให้เลย”
 
คนแบบที่สองนี่แหละครับ น่าสนใจ
 
ผมไม่ได้บอกว่าการทำอะไร
ที่นอกเหนือหน้าที่จนเกินไปนั้น
เป็นเรื่องที่ดีไปซะหมดนะครับ
 
แต่การทดสอบนี้จะทำให้คุณรู้ว่า
เค้าเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นสักแค่ไหน
สามารถปรับตัวได้เก่งแค่ไหน
 
ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เอื้อต่อการเติบโตครับ
 
 
2. แนะนำให้เค้าพัฒนาตัวเอง
 
การพัฒนาตัวเองนั้นมีหลากหลายวิธี
คุณอาจแนะนำให้เค้าไปเรียนคอร์สนี้
อ่านหนังสือเล่มนี้ ฯลฯ
 
สิ่งที่คุณจะเห็นได้ชัด
คือความเปลี่ยนแปลงของเค้า
ว่าเก่งขึ้นในเรื่องที่แนะนำไปไหม ?
มีวิธีคิดเปลี่ยนไปแค่ไหน ?
 
มันก็อาจไม่สามารถวัดได้ชัดเจนมากนัก
แต่อย่างน้อย ๆ เค้าจะบ่งบอกอะไร
ให้คุณได้เห็น
 
อย่างน้อย ๆ เค้าก็อาจกลับมาบอกคุณว่า...
 
“หนูลองไปหาหนังสือเล่มที่พี่แนะนำแล้วไม่เจอ
แต่เล่มนี้ก็น่าสนใจ น่าจะแทนกันได้ไหมคะ ?”
 
“หนูลองไปดูคอร์สนี้แล้ว
ราคาค่อนข้างแพงนิดนึง
แต่อีกคอร์ส Outline ก็น่าสนใจ
คิดว่าน่าลองลงเรียนเหมือนกันนะคะ”
 
คนที่หิวการเจริญเติบโต อยากพัฒนาตัวเอง
เค้าจะขยับก้าวอะไรบางอย่างให้คุณเห็น
แม้จะเป็นการขยับแค่จุดเล็ก ๆ ก็ตามครับ
 
 
3. ลองให้วิจารณ์คน
 
ด้วยวิธีนี้คุณจะได้เห็นทัศนคติ
ในการมองคนของเค้าครับ
 
บางคนอาจมองคนในแง่ร้าย
มองใครไม่ดีไปหมด
 
บางคนอาจมองคนอย่างสมเหตุสมผล
มองตามความจริง เป็นแนว “ติเพื่อก่อ”
 
นอกจากนี้ก็ยังเป็นเรื่องของ...
 
A) ระดับในการมองปัญหา
ว่าเค้ามองแค่ผิว ๆ
วิเคราะห์อะไรไม่ลึกซึ้งมากพอ
ที่จะเชื่อมโยงไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงจุดได้
 
หรือมองออกถึงเชิงลึก
ว่าประเด็นที่แท้จริงคืออะไร
ควรเน้นจุดแข็ง หรือปรับแก้จุดอ่อนยังไงบ้าง
 
B) วิธีใช้คำพูด
รุนแรงเกินไปจนคนฟังรับไม่ได้
หรืออ่อนเกินไปจนไม่อยากปรับปรุง
 
เพราะถ้าวันหนึ่งที่เค้าเติบโต
สิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อการคุมทีม
การบริหารคนของเค้าเป็นอย่างมากครับ
 
 
4. แนะนำวิธีการใหม่ ๆ
 
ถ้าคุณแนะนำให้เค้าทำเรื่องเดิม
ด้วยวิธีการที่ต่างไปจากเดิม
ดูซิว่าเค้าจะทำตามคุณไหม ?
 
ในเบื้องต้นอาจไม่จำเป็นต้องเรื่องยาก ๆ
แค่ให้ลองโพสท์ถี่ขึ้น
ลองเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ให้น่าเชื่อถือ
ลองเปิดเพจ ลองเขียนโปรไฟล์ตัวเองใหม่
 
แค่เค้าทำตามหรือไม่ มันก็บอกได้เลยว่า
เค้าเชื่อคุณไหม ?
พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตามคุณไหม ?
สนใจในสิ่งที่ทำจริง ๆ ไหม ?
เอาจริงหรือเปล่า ?
 
ซึ่งในบางกรณีคุณอาจจะเจออีกแบบ
ที่เค้ามีวิธีคิดเป็นของตัวเอง
 
เค้าอาจจะไม่ได้ ‘ซื้อ’ วิธีการของคุณ
แต่เค้าจะพยายามลองหาวิธีอื่น
ที่ไปถึงจุดหมายเดียวกันได้
 
มันก็สะท้อนความตั้งใจ
รวมถึงความคิดสร้างสรรค์
ในการหาวิธีการใหม่ ๆ ของเค้า
ได้ด้วยเหมือนกัน
 
แต่ถ้าเจอแบบว่าผ่านมา 7 วันแล้ว
“ยังไม่ได้ทำเลยค่ะพี่” ผมว่าแบบนี้
เค้าคงไม่ได้คิดจริงจังอะไรมากมายหรอกครับ
 
 
5. ลองชมเค้าดู
 
คุณจะได้เห็นอาการหลายอย่าง
จากการให้คำชื่นชมนี่แหละครับ
 
บางคนอาจเฉย ๆ ไม่ยึดติดกับคำชม
เพียงเพราะมุ่งมั่นให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
 
บางคนอาจดีใจมาก ๆ
รู้สึกว่าคำชมนั้น คือพลังและกำลังใจ
ที่สำคัญมากสำหรับเค้า
 
บางคนอาจกลายเป็นหลงตัวเอง
แล้วเหลิงไปเลยก็มีครับ
 
การให้คำชม ก็คล้ายกับการให้รางวัล
มันสามารถวัดปฏิกิริยาของคนได้เลยว่า
 
เมื่อได้รับสิ่งที่ดีไป ในที่สุดแล้ว
เค้าจะกลายเป็นคนยังไง ?
 
เค้าจะยังเป็นคนน่ารักเหมือนเดิมไหม ?
เค้าจะมีไฟ Active มากขึ้นหรือเปล่า ?
หรือเหลิงทะนงตัวชนิดพลิกฝ่ามือ
เปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย
 
การทดสอบด้วยวิธีนี้จะช่วยให้คุณ
เห็นภาพในระยะยาวของเค้า
ได้ระดับนึงเลยเหมือนกันครับ
 
............................
 
การทดสอบทั้ง 5 วิธีนี้ จะทำให้คุณได้รู้จัก
ตัวตนของคนที่คุณสนใจอยากจะปั้น
ได้ดียิ่งกว่าการอ่าน Resume การสัมภาษณ์
หรือเข้าเครื่อง MRI แสกนสมองซะอีก
 
แต่ก็ไม่ใช่แค่ทดสอบ 5 อย่างนี้แล้วก็จบสิ้น
ไม่ต้องทดสอบอะไรอีกแล้วนะครับ
เรื่องอย่างนี้ยังต้องดูกันไปยาว ๆ อยู่ดี
 
เพราะถึงยังไงสุภาษิตที่ว่า...
“ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน”
ก็เป็นสัจธรรมที่คุณต้องยึดถือไว้เสมอครับ