ผมว่ามันเป็นเรื่องที่น่าปวดใจนะครับ
ถ้าคุณเป็นผู้นำ เป็นแม่ทีม
แต่พูดอะไรเท่าไหร่ ลูกทีมก็ไม่ค่อยจะเชื่อ
บอกให้ทำอะไร เค้าก็ไม่ยอมทำตาม
นี่ไม่ใช่แค่เหตุการณ์สมมุตินะครับ
แต่มันเกิดขึ้นจริงกับทีมตัวแทนหลาย ๆ ทีม
ที่มาขอคำปรึกษาจากผม
แม่ทีมบางคน
ชี้แนวทางให้ตัวแทนเดินตามเป็นฉาก ๆ
แต่กลับไม่ค่อยมีใครยอมเชื่อ
ลูกทีมหลายคนไม่ค่อยจะยอมรับ
เราไม่น่าเชื่อถือเหรอ ?
คำพูดเราไม่มีน้ำหนักพอหรือไง ?
ที่จริงแล้วทุกอย่างในโลกนี้
ล้วนมีสาเหตุเสมอแหละครับ
แล้วในหลาย ๆ ครั้ง
สาเหตุนั้นก็ไม่ได้อยู่ไกลตัวคุณด้วย
ซึ่งหากวันนี้ทีมของคุณ
กำลังเกิดปัญหาแบบที่ผมว่า
หรือเริ่มมีท่าทีไม่ค่อยดีทำนองนี้
สิ่งที่ผมอยากให้คุณทำเป็นอย่างแรก
คือมองหาสาเหตุจากตัวเองก่อน
ว่าลักษณะ “การเป็นผู้นำ” ของตัวคุณ
ที่ผ่านมานั้นเป็นยังไง ?
เข้าข่ายลักษณะเหล่านี้หรือเปล่า ?
1. วางตัวไม่น่าเคารพ
มันมีเส้นบาง ๆ ขั้นกลางระหว่างคำว่า
“ความสนิทสนม” กับ “ความเคารพ”
การสนิทสนมกันระหว่างคุณกับลูกทีม
มันไม่ใช่เรื่องผิดกติกาแต่อย่างใดนะครับ
มันทำให้คุณกับเค้าคุยกันง่ายด้วยซ้ำ
ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติแหละครับ
ที่พอสนิทสนมกันมาก ๆ
ก็จะมีความเป็นกันเองมากขึ้น
อาจถึงขั้นคุยเล่นคุยหัวกันมากขึ้น
แต่อย่าลืมว่าคุณยังต้อง manage พวกเค้า
ในฐานะผู้ร่วมงานกันไปอีกยาว ๆ
บางทีบางครั้งจึงจำเป็นต้องมี
การเว้นระยะระหว่างกันเล็กน้อย
เพื่อให้เค้ายังรู้สึกเคารพเกรงใจคุณอยู่บ้าง
ไม่ใช่ว่าทุกอย่างเค้าจะเรียกร้องจากคุณ
ได้ตลอดเวลาจนกลายเป็นเด็กเคยตัว
คุณจึงควรเลือกให้เฉพาะบางสิ่งบางอย่าง
ในโอกาสที่พิเศษจริง ๆ เท่านั้น
เพราะว่าด้วยเรื่องของ “คุณค่า” นั้น
มันก็ต้องขึ้นกับการรู้ระดับและจังหวะโอกาส
ที่เหมาะสมด้วย
ซึ่งถ้าคุณไม่สามารถบาลานซ์
“ความสนิทสนม” ให้สมดุลกับ
“ความเคารพ” ได้
ปัญหาในการคุมคน จะเกิดตามมาแน่นอน
2. ทำอะไรไม่เอาจริง
ทุกคำพูดที่ลั่นวาจาออกไป
คุณก็ต้องทำให้เค้าเห็นจริง ๆ
Go on ต่อไปจริง ๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เพราะมันไม่มีวีไหนที่จะทำให้คนอื่น
เชื่อในตัวคุณได้ดีกว่าไปกว่า
การทำให้เค้าดูเป็นตัวอย่าง
จนกระทั่งเห็นผลสำเร็จจริง
แสดงให้เค้าเห็นไปเลยว่า
ผู้นำเของเค้าเมื่อตั้งเป้าหมายอะไรแล้ว
ไม่ว่ายังไงก็จะทำจนบรรลุในที่สุด
ทำตัวให้เป็นแบบอย่าง
ที่ลูกทีมอยากเจริญรอยตาม
เมื่อคุณทำได้ ทุกคนในทีมก็ต้องทำได้
ในทางกลับกัน ถ้าคุณทำบ้าง ไม่ทำบ้าง
หรือทำ ๆ อยู่ก็เกิดกลัว ท้อ ล้มเลิก
คนเดินตามเห็นอย่างนี้
เค้าย่อมต้องหวั่นใจเป็นธรรมดาครับ
ก็ขนาดผู้นำยังไปไม่รอดเลย
แล้วลูกทีมอย่างฉันจะเหลือเหรอ ?
3. ไร้ทิศทางที่ชัดเจน
คุณอาจจะเอาจริงนะ
เริ่มต้นและเดินหน้าทุกอย่างอยู่ตลอด
แต่ก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
อยู่ตลอดเลยเหมือนกัน
วันก่อนตั้งคอนเซ็ปต์แบบนี้
วันต่อมาเปลี่ยนแผนเป็นแบบนั้น
2 – 3 วันต่อมาเปลี่ยนวิธีใหม่อีกแล้ว
คนทำงานด้วยเค้าจะรู้สึกว่า
“พี่จะเอาไงกันแน่เนี่ย ?”
“เชิญเปลี่ยนให้พอเลย ฉันจะได้ทำทีเดียว”
ไม่ว่าคุณจะวางแผนการตลาด
กลยุทธ์การขาย หรืออะไรก็แล้วแต่
ควรจะ Keep Going อย่างต่อเนื่อง
สัก 2 – 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ เอาให้เห็นผล
ตามเป้าหมายระยะสั้นสักอย่างหนึ่งก่อน
การที่คุณไม่โฟกัสทิศทางแน่นอน
หักพวงมาลัยเปลี่ยนถนนบ่อยเกินไป
สุดท้ายแล้วทุกอย่างมันจะวนอยู่ที่เดิม
ไม่ก้าวหน้าไปไหนสักที
และส่งผลให้ลูกทีมรู้สึกไม่เชื่อมั่น
เหนื่อยเปล่าที่จะทำงานด้วย
แบบนี้รับรองเลยว่า
เค้าจะไม่อยู่กับคุณนานครับ
4) ขาดแม่เหล็กจูงใจ
การขับเคลื่อนพาหนะ
ต้องมีพลังงานเป็นแรงขับเคลื่อน
การขับเคลื่อนคนและทีม
ก็ต้องมีอะไรบางอย่างเป็นแรงจูงใจ
ด้วยเช่นกันครับ
ซึ่งแรงจูงใจที่ว่านี้
สามารถเป็นได้หลายอย่าง
เช่น ...
เป้าหมาย , ตำแหน่ง , เงิน ,
ของขวัญ , ของรางวัล
เพราะคงปฏิเสธไม่ได้
ว่าธรรมชาติของมนุษย์เราทุกคนนั้น
ย่อมอยากได้รางวัลตอบแทน
ที่คู่ควรกับความพยายามเสมอ
การไม่ให้อะไรกับลูกทีมของคุณเลย
อาจจูงใจให้เค้าลุกขึ้นมาร่วมทำโปรเจ็กต์
หรืออะไรที่พิเศษไปกว่าเดิมได้ยาก
แต่การให้ Incentive นี้
ก็ต้องดูตามความเหมาะสมด้วยนะครับ
อย่าให้ง่ายเกินไป มากเกินไป
เร็วเกินไป บ่อยเกินไป
จนกระทั่งเค้าติดเป็นนิสัย
กลายเป็นถ้าไม่ได้ ฉันก็ประท้วงไม่ทำ
ดังนั้นคุณต้องพยายามวางเงื่อนไข
ในการให้ Incentive แต่ละครั้ง
เพื่อให้ลูกทีมของคุณรู้ว่า
เค้าจะไม่ได้มันมาง่าย ๆ
ถ้าอยากได้ก็ต้องตั้งใจลงมือทำเท่านั้น
...................................
ทั้งหมดนี้คือสาเหตุของปัญหา
ที่ลูกทีมไม่ยอมเชื่อ ไม่ฟัง ไม่ทำตาม
ลองเช็คดูครับว่า
คุณมีลักษณะตามนี้บ้างหรือเปล่า
จากนั้นก็ค่อย ๆ เอาคำแนะนำของผม
ไปแก้ไขในแต่ละจุด
เพื่อให้คุณสามารถคุมทีมได้ดีขึ้น
สร้าง Impact ให้กับลูกทีมได้มากขึ้น
และพวกเค้าศรัทธาในตัวคุณด้วยครับ