4 คุณสมบัติของ “ผู้นำ” ทำธุรกิจอะไรก็ประสบความสำเร็จ


Blog Detail

 
ด้วยความที่ยุคนี้มีโซเชียลมีเดีย
เป็นสะพานเชื่อมให้สื่อสารกับผู้คนได้ง่าย
 
มันจึงไม่แปลกที่ใคร ๆ
ต่างก็พากันออกมาสร้างตัวตน
สั่งสมผู้ติดตามเป็นของตัวเอง
 
แต่ไม่ว่าตัวเลขยอด Page Like ในเชิงปริมาณ
จะมีสักกี่พัน หรือกี่หมื่น ก็ใช่ว่าจะเป็นตัวชี้วัด
ความเป็นผู้นำในเชิงคุณภาพได้
 
เพราะอันที่จริงแล้วการเป็น “ผู้นำ”
มีมิติที่มากไปกว่าแค่จำนวนผู้ติดตาม
หรือปริมาณความชื่นชอบกด Like
 
โดยเฉพาะในการทำธุรกิจ
สิ่งที่ตัดสินได้ว่าใครจะเป็นผู้นำได้อย่างแท้จริง
มันไม่ได้ขึ้นกับสิ่งเหล่านั้นเลย
 
แต่สิ่งที่แยกให้เห็นถึงความต่าง
ระหว่าง “ผู้นำ” กับ “ผู้ตาม” อย่างแท้จริง
มันประกอบไปด้วยคุณสมบัติเหล่านี้
ต่างหากล่ะครับ
 
 
1. สร้างการเปลี่ยนแปลง
 
คุณน่าจะเคยเห็นตัวอย่าง
ที่ใครบางคนลุกขึ้นมาเป็นผู้นำ
เพื่อเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง
 
ไม่ว่าจะเป็น...
 
“ต้องการให้คนไทยสุขภาพดีขึ้น”
“อยากเห็นผู้หญิงมีความมั่นใจมากขึ้น”
“มุ่งทำเพื่อให้ SME มีกำไรมากขึ้น”
 
ความมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดสิ่งใหม่นี้
ต้องเกิดจาก “ความเชื่อ”
ที่อัดแน่นภายในอย่างแรงกล้า
 
ซึ่งบางทีมันก็ไม่ได้ขึ้นกับว่า
จะเป็นการเปลี่ยนแปลงระดับโลก
ถึงขั้น Disrupt สิ่งดึกดำบรรพ์ที่มีอยู่เดิม
 
หรือจะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
ในเรื่องใกล้ตัวแค่ปลายจมูก
 
แต่สิ่งสำคัญมันอยู่ที่
“ความกล้า” ที่จะริเริ่มอันเป็นเชื้อเพลิง
ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ลุกโชน
 
ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
กับผู้ตามที่ทำได้เพียงแค่การปรับเปลี่ยน
ไปตามสถานการณ์เรื่อย ๆ
 
เพราะอย่างนี้เอง “ผู้ตาม”
จึงมักเดินตามหลังในสิ่งที่
“ผู้นำ” เป็นคนชี้ทางให้เสมอไงล่ะครับ
 
 
2. ขายความฝัน เหนี่ยวนำความคิด
 
เมื่อเค้ามีความเชื่อ
ที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง
แน่นอนว่ามันจะไม่ได้ติดอยู่
แค่ในหัวสมองของเค้าเท่านั้น
 
แต่เค้าจะมันเอาไป ‘ขาย’ ให้กับคนอื่น ๆ
วาดภาพในสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้น
ให้เห็นถึงความเป็นไปได้
 
หาหลักฐาน โน้มน้าวจูงใจ
ว่ามันจะเป็นยังไงถ้าหากทำสิ่งนี้สำเร็จ
 
เพื่อชักชวนให้ผู้ตามเชื่อถือ ‘ซื้อ’ แนวคิดนั้น
และเชื่อมั่นที่จะเดินตามไปในแนวทางเดียวกัน
 
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้คนที่ได้ชื่อว่า “ผู้นำ”
มีอิทธิพลทางความคิดเหนือผู้ตามของเค้า
 
 
3. สร้างเส้นทางขึ้นมาเอง
 
ไม่ว่าในทางปฏิบัติมันจะยากสักแค่ไหน
จะมีอุปสรรคอะไรวางระเกะระกะอยู่บ้าง
 
มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะขวางกั้น
คนที่เป็นผู้นำตัวจริงได้หรอกครับ
 
เพราะไม่ว่ายังไง คนแบบนี้
เค้าก็จะหาทางทำให้มันเกิดขึ้นมาให้ได้
 
ต่อให้ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองทั้งหมด
หรือลงทุนได้ด้วยตัวเอง 100%
ก็ไม่อาจหยุดเค้าให้เสาะแสวงหาวิธีอื่น
 
เช่น ...
 
“ขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่”
“หาพาร์ทเนอร์ร่วมอุดมการณ์”
“หรือหาแหล่งเงินทุนจากที่อื่น”
 
ซึ่งจะแตกต่างจากผู้ตาม
ที่ต้องรอให้ใครสักคนมาป้อนวิธีการ
คอยความเห็นจากคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
 
“จะต้องทำแบบนี้นะ”
“ให้ทำด้วยวิธีนี้นะ”
“ขั้นตอนจะต้องเป็นอย่างนี้ 1 , 2 , 3 , ...”
 
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผู้ตาม
จะไม่ค่อยมีวิธีคิดเป็นของตัวเองมากนัก
 
ในขณะที่ผู้นำจะคิดหาทางเอาเอง
และทำให้มันเกิดขึ้นจากน้ำมือตัวเอง
 
 
4. รับผิดชอบทุกผลลัพธ์
 
ต่อให้เป้าหมายของผู้นำจะใหญ่โตแค่ไหน
เค้าก็จะรับผิดชอบมันไหวเสมอ
 
แม้สุดท้ายแล้วเป้าที่ตั้งไว้
อาจไม่ทะลุไปถึง 1,000 ชิ้น
ยอดขายไปไม่ถึง 10 ล้าน
 
เค้าก็จะน้อมรับมันไว้
ทั้งความผิดพลาด จุดบกพร่อง
และหาทางแก้ไข ปรับปรุงมันให้ดีกว่าเดิม
โดยมุ่งมั่นให้ไปแตะผลลัพธ์นั้นได้สำเร็จ
 
ซึ่งมุมมองของเค้าจะแตกต่างจากผู้ตาม
ที่รับผิดชอบเพียงสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
แค่ทำให้มันเสร็จแล้วก็จบ
 
ผลลัพธ์ที่คนทั้งสองได้
จึงออกมาแตกต่างห่างไกลกันโดยสิ้นเชิง
 
นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมในฉากสุดท้าย
ผู้นำจึงมักจะได้ “ความสำเร็จ” ที่ยิ่งใหญ่
เป็นสิ่งตอบแทนเสมอ
 
เพราะเมื่อความรับผิดชอบคนละระดับ
สิ่งที่ได้รับก็ย่อมต่างระดับกันไปด้วย
 
...............................
 
แม้ว่าการเป็น “ผู้นำ”
จะยากกว่า “ผู้ตาม” ในทุกย่างก้าว
 
แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ระหว่างทาง
และการเปลี่ยนแปลงในตอนท้าย
มันจะกลายเป็นคุณสมบัติที่ติดตัว
 
ซึ่งคุณสมบัติของผู้นำนี้เอง
ไม่ว่าคุณจะไปทำธุรกิจอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน
ก็จะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ความสำเร็จ
ที่ใหญ่กว่าคนทั่วไปเสมอ
 
ทีนี้ก็อยู่ที่คุณจะเลือกแล้วล่ะครับ
ว่าพร้อมจะก้าวไปเป็นคนที่อยู่หัวแถว
ของคนอื่น ๆ แล้วหรือยัง ?