เจ้าของแบรนด์ หรือ ตัวแทนใหญ่คนไหน
ที่เริ่ม "สร้างตัวตน" เพื่อ "อัพยอดขาย"
จนเริ่มติดในใจของลูกค้า
ทุกคนจะเห็นด้วยกับผมว่า
ถ้าลูกค้าตัดสินใจซื้อที่ "ตัวเรา"
มันจะให้กำไรมหาศาลในระยะยาว
ทั้งแบรนด์สินค้าติดง่าย ทั้งแบรนด์ตัวเองก็ติดยาว ๆ
จะเริ่มแตกไลน์ธุรกิจก็ง่าย หรือ
จะ Reposition แบรนด์ก็ง่าย
อย่าอายที่จะขายตัวเอง !!!
เพราะตัวเราคือ Presenter ที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้วครับ
คราวนี้เรามาดูข้อดีกันดีกว่า
ว่า "กำไรมหาศาล" ในการขายตัวเอง ให้สินค้าขายดี
ที่ผมพูดถึง 5 ข้อนั้นมีอะไรบ้าง
1 ) อัตราปิดการขายสูงกว่า
ไม่มีอะไรจับต้องได้ง่าย
และรวดเร็วไปกว่า มนุษย์ด้วยกัน
แบรนด์ติด คือแบรนด์ถูกจดจำในด้านไหนก็ตาม
แต่ยิ่งจดจำได้หลายด้าน แบรนด์ยิ่งติดแน่น "ขุดไม่ออก"
คำถามคือ สำหรับมนุษย์ด้วยกัน
จะมีสิ่งไหนที่มีแง่มุมให้จดจำมากกว่า "มนุษย์" ?
-นิสัยใจคอ
-ความดี
-อารมณ์ขัน
-ชื่อจริง ชื่อเล่น
-คำพูดติดปาก
วัตถุไหน ๆ ก็ไม่มีแง่มุมพวกนี้เลย
และคนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่า
“ ยิ่งมีรายละเอียดเยอะ ...ยิ่งยากต่อการจดจำ “
ใช่ครับ ถ้ามันไม่น่าสนใจ
ยิ่งละเอียด "ยิ่งน่าเบื่อ"
แต่ถ้ามัน "น่าสนใจ"
เราจะพยายามหาข้อมูลทุกอย่าง
เหมือนที่สาว ๆ ติดตามพระเอกซีรีย์เกาหลีนั้นแหละ
ออนไลน์นั้นบกพร่องเรื่องการจับต้องได้
ลองคิดย้อนกลับไปดู
ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่ทักมาบอกว่าสนใจสินค้า
แล้วกลับหายไปดื้อ ๆ ลูกค้าหลุดไปเท่าไหร่?
2 ) เสียงดัง ฟังง่ายกว่า
เทรนด์การดูวิดีโอที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
เป็นหลักฐานชั้นดีว่า
การสื่อสารด้วยการพูดคุย หรือ เล่า
มันดีกว่ามานั่งอ่านเองเป็นสิบเท่า
เข้าใจมากกว่า เห็นภาพมากกว่า
(ถ้าเล่าเป็น และนำเสนอได้ดี)
ภาษากายที่ปล่อยออกมา
เข้าไป "กระตุ้น" ความรู้สึกมากกว่า
รวดเร็วกว่าคำพูดที่ได้ยินด้วยซ้ำ
ตัวหนังสือนั้นไร้น้ำเสียง
แต่น้ำเสียงคือทำนองของบทสนทนา
การที่เราสามารถใช้ "ตัวเอง"
กับ "อุปกรณ์ที่มีอยู่แล้ว" อย่างมือถือ
เปิด Live หรืออัดคลิปขายสินค้าได้
นั้นได้เปรียบกับ "แบรนด์ที่พูดเองไม่ได้" หลายเท่า
เราสร้าง Content ที่ทรงพลังได้ถี่กว่าใน "ต้นทุนที่ต่ำมาก"
(แค่ค่า 4G รายเดือน กับการฝึกฝนเท่านั้นเอง)
และธุรกิจไหนรักษาต้นทุนให้ต่ำได้
โดยที่แบรนด์ยังไม่ได้เสีย
เท่านี้ก็ชนะคู่แข่งเห็น ๆ แล้วครับ
3 ) ประหยัดต้นทุน Influencer
แบรนด์ส่วนใหญ่มักจะใช้ Influencer
ในทางใดทางหนึ่งครับ
ยกตัวอย่างเช่นเป็น Presenter
ช่วยสร้างกระแส และคาแรคเตอร์ให้กับสินค้า
หรือการใช้ Blogger มารีวิวสินค้าก็ตาม
บุคคลที่มีชื่อเสียง มักเป็นทางลัด
ที่แบรนด์ใช้สร้างแบรนด์ให้ดัง
ประโยชน์ก็คือ จุดกระแส และสร้างความน่าเชื่อถือ (Brand Trust)
จาก Branding ของ Influencer แต่ละคน
ประเด็นก็คือ ถ้าใครเคยลองติดต่อหรือใช้
จะรู้ว่า โอ้โห!!! ต้นทุนส่วนนี้ไม่ใช่เบา ๆ
โหดน่าดูสำหรับเจ้าของธุรกิจที่เพิ่งเริ่ม
แต่การใช้ Influencer ที่ "ไร้อิทธิพล"
อาจจะได้ราคาถูก ซึ่งก็อาจจะไม่คุ้ม
เพราะไม่ได้สร้าง Impact ยอดขายไม่กระดิกเลย
แต่การใช้ influencer ที่มีอิทธิพลราคาก็ดีดขึ้นเรื่อย ๆ ตามความโด่งดัง
พร้อมข้อจำกัดมหาศาล
- จำนวนนาที
- จำนวนครั้ง
- จำนวนรูป
- ข้อความบางอย่างก็พูดไม่ได้
ดังนั้นแม้ว่า...
การดันตัวเองให้เป็นที่รู้จักจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
แต่ผลตอบแทนนั้นคุ้มค่ามหาศาล
ซึ่งสมควรที่จะนำมาเป็นกลยุทธ์ครับ
4) แบรนด์บุคคลมีอายุยาวกว่าแบรนด์สินค้า
ทุกคนก็เห็นๆ กันอยู่ว่า
โลกสมัยนี้มันเปลี่ยนแปลงไวแค่ไหน
แบรนด์สินค้าและบริการมีเกิดแล้วตายทุกวัน
เพราะสินค้าเริ่ม out เพราะอุตสาหกรรมเปลี่ยนไป
จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ หลาย ๆ แบรนด์ต้องปรับตัวมหาศาล
" ไม่เปลี่ยนก็ต้องปิด "
แต่การใช้บุคคลเป็นหลักยึดลูกค้า
เป็นแกนหมุนแบรนด์
นั้นสามารถเปลี่ยน Story ตัวเองได้เนียนกว่า
จากแบรนด์ครีมเป็นผู้ผลิตครีม
จากเคยขายรองเท้า มาทำ Studio ให้เช่า
ถึงแม้ธุรกิจถัดไปจะขัดกับธุรกิจดั้งเดิม
แต่มันมีทางออกให้มากกว่า
การปรับเปลี่ยนของแบรนด์สินค้า
และบริการแน่นอนครับ
(ส่วนข้อเสียย่อมมีแน่นอนครับ
ความเป็นส่วนตัวจะหมดไป
และต้องระวังการพูด การทำ การเขียนให้มาก
ต้องคิดรอบด้านก่อนทำอะไรสักอย่าง
เพราะสิ่งที่เราทำจะส่งผลกว้างขึ้นกว่า
ตอนที่เราเป็น nobody)
5) ได้รับ "โอกาสฟรี" ในการขยายธุรกิจ
มีนักธุรกิจชื่อดังหลายท่าน
ที่มักจะถูกเชิญไปพูดในงานต่าง ๆ
ซึ่งผมถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มสุด ๆ ไปโปรโมทแบรนด์ได้ฟรี
(บางครั้งอาจจะได้ค่าเหนื่อยด้วยนิดหน่อย)
ซึ่งเหมือนได้ PR ฟรี
และนำมาสู่โอกาสทางธุรกิจอีกมหาศาล
ทั้งการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์
หรือแม้แต่กลไกง่าย ๆ อย่างเช่นดึงลูกค้าเข้ามา
เมื่อเราเข้าถึงได้ง่าย รู้ว่าใครเป็นเจ้าของแบรนด์
หรือผู้นำของแบรนด์ ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกเชิญไปยัง event ต่าง ๆ
ซึ่งทุกคนคงรู้ว่าการจัดงานแต่ละครั้งมีต้นทุนเสมอ และไม่ใช่เบา ๆ ด้วย
ดังนั้นการที่เราจับต้องได้ เป็นผู้มีอิทธิพลไม่มากก็น้อย
นั้นมีโอกาสต่อยอดฟรี ๆ อีกมากมายครับ
"สร้างตัวตน" เถอะครับ มันคุ้ม !!!
ที่เริ่ม "สร้างตัวตน" เพื่อ "อัพยอดขาย"
จนเริ่มติดในใจของลูกค้า
ทุกคนจะเห็นด้วยกับผมว่า
ถ้าลูกค้าตัดสินใจซื้อที่ "ตัวเรา"
มันจะให้กำไรมหาศาลในระยะยาว
ทั้งแบรนด์สินค้าติดง่าย ทั้งแบรนด์ตัวเองก็ติดยาว ๆ
จะเริ่มแตกไลน์ธุรกิจก็ง่าย หรือ
จะ Reposition แบรนด์ก็ง่าย
อย่าอายที่จะขายตัวเอง !!!
เพราะตัวเราคือ Presenter ที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้วครับ
คราวนี้เรามาดูข้อดีกันดีกว่า
ว่า "กำไรมหาศาล" ในการขายตัวเอง ให้สินค้าขายดี
ที่ผมพูดถึง 5 ข้อนั้นมีอะไรบ้าง
1 ) อัตราปิดการขายสูงกว่า
ไม่มีอะไรจับต้องได้ง่าย
และรวดเร็วไปกว่า มนุษย์ด้วยกัน
แบรนด์ติด คือแบรนด์ถูกจดจำในด้านไหนก็ตาม
แต่ยิ่งจดจำได้หลายด้าน แบรนด์ยิ่งติดแน่น "ขุดไม่ออก"
คำถามคือ สำหรับมนุษย์ด้วยกัน
จะมีสิ่งไหนที่มีแง่มุมให้จดจำมากกว่า "มนุษย์" ?
-นิสัยใจคอ
-ความดี
-อารมณ์ขัน
-ชื่อจริง ชื่อเล่น
-คำพูดติดปาก
วัตถุไหน ๆ ก็ไม่มีแง่มุมพวกนี้เลย
และคนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่า
“ ยิ่งมีรายละเอียดเยอะ ...ยิ่งยากต่อการจดจำ “
ใช่ครับ ถ้ามันไม่น่าสนใจ
ยิ่งละเอียด "ยิ่งน่าเบื่อ"
แต่ถ้ามัน "น่าสนใจ"
เราจะพยายามหาข้อมูลทุกอย่าง
เหมือนที่สาว ๆ ติดตามพระเอกซีรีย์เกาหลีนั้นแหละ
ออนไลน์นั้นบกพร่องเรื่องการจับต้องได้
ลองคิดย้อนกลับไปดู
ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่ทักมาบอกว่าสนใจสินค้า
แล้วกลับหายไปดื้อ ๆ ลูกค้าหลุดไปเท่าไหร่?
2 ) เสียงดัง ฟังง่ายกว่า
เทรนด์การดูวิดีโอที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
เป็นหลักฐานชั้นดีว่า
การสื่อสารด้วยการพูดคุย หรือ เล่า
มันดีกว่ามานั่งอ่านเองเป็นสิบเท่า
เข้าใจมากกว่า เห็นภาพมากกว่า
(ถ้าเล่าเป็น และนำเสนอได้ดี)
ภาษากายที่ปล่อยออกมา
เข้าไป "กระตุ้น" ความรู้สึกมากกว่า
รวดเร็วกว่าคำพูดที่ได้ยินด้วยซ้ำ
ตัวหนังสือนั้นไร้น้ำเสียง
แต่น้ำเสียงคือทำนองของบทสนทนา
การที่เราสามารถใช้ "ตัวเอง"
กับ "อุปกรณ์ที่มีอยู่แล้ว" อย่างมือถือ
เปิด Live หรืออัดคลิปขายสินค้าได้
นั้นได้เปรียบกับ "แบรนด์ที่พูดเองไม่ได้" หลายเท่า
เราสร้าง Content ที่ทรงพลังได้ถี่กว่าใน "ต้นทุนที่ต่ำมาก"
(แค่ค่า 4G รายเดือน กับการฝึกฝนเท่านั้นเอง)
และธุรกิจไหนรักษาต้นทุนให้ต่ำได้
โดยที่แบรนด์ยังไม่ได้เสีย
เท่านี้ก็ชนะคู่แข่งเห็น ๆ แล้วครับ
3 ) ประหยัดต้นทุน Influencer
แบรนด์ส่วนใหญ่มักจะใช้ Influencer
ในทางใดทางหนึ่งครับ
ยกตัวอย่างเช่นเป็น Presenter
ช่วยสร้างกระแส และคาแรคเตอร์ให้กับสินค้า
หรือการใช้ Blogger มารีวิวสินค้าก็ตาม
บุคคลที่มีชื่อเสียง มักเป็นทางลัด
ที่แบรนด์ใช้สร้างแบรนด์ให้ดัง
ประโยชน์ก็คือ จุดกระแส และสร้างความน่าเชื่อถือ (Brand Trust)
จาก Branding ของ Influencer แต่ละคน
ประเด็นก็คือ ถ้าใครเคยลองติดต่อหรือใช้
จะรู้ว่า โอ้โห!!! ต้นทุนส่วนนี้ไม่ใช่เบา ๆ
โหดน่าดูสำหรับเจ้าของธุรกิจที่เพิ่งเริ่ม
แต่การใช้ Influencer ที่ "ไร้อิทธิพล"
อาจจะได้ราคาถูก ซึ่งก็อาจจะไม่คุ้ม
เพราะไม่ได้สร้าง Impact ยอดขายไม่กระดิกเลย
แต่การใช้ influencer ที่มีอิทธิพลราคาก็ดีดขึ้นเรื่อย ๆ ตามความโด่งดัง
พร้อมข้อจำกัดมหาศาล
- จำนวนนาที
- จำนวนครั้ง
- จำนวนรูป
- ข้อความบางอย่างก็พูดไม่ได้
ดังนั้นแม้ว่า...
การดันตัวเองให้เป็นที่รู้จักจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
แต่ผลตอบแทนนั้นคุ้มค่ามหาศาล
ซึ่งสมควรที่จะนำมาเป็นกลยุทธ์ครับ
4) แบรนด์บุคคลมีอายุยาวกว่าแบรนด์สินค้า
ทุกคนก็เห็นๆ กันอยู่ว่า
โลกสมัยนี้มันเปลี่ยนแปลงไวแค่ไหน
แบรนด์สินค้าและบริการมีเกิดแล้วตายทุกวัน
เพราะสินค้าเริ่ม out เพราะอุตสาหกรรมเปลี่ยนไป
จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ หลาย ๆ แบรนด์ต้องปรับตัวมหาศาล
" ไม่เปลี่ยนก็ต้องปิด "
แต่การใช้บุคคลเป็นหลักยึดลูกค้า
เป็นแกนหมุนแบรนด์
นั้นสามารถเปลี่ยน Story ตัวเองได้เนียนกว่า
จากแบรนด์ครีมเป็นผู้ผลิตครีม
จากเคยขายรองเท้า มาทำ Studio ให้เช่า
ถึงแม้ธุรกิจถัดไปจะขัดกับธุรกิจดั้งเดิม
แต่มันมีทางออกให้มากกว่า
การปรับเปลี่ยนของแบรนด์สินค้า
และบริการแน่นอนครับ
(ส่วนข้อเสียย่อมมีแน่นอนครับ
ความเป็นส่วนตัวจะหมดไป
และต้องระวังการพูด การทำ การเขียนให้มาก
ต้องคิดรอบด้านก่อนทำอะไรสักอย่าง
เพราะสิ่งที่เราทำจะส่งผลกว้างขึ้นกว่า
ตอนที่เราเป็น nobody)
5) ได้รับ "โอกาสฟรี" ในการขยายธุรกิจ
มีนักธุรกิจชื่อดังหลายท่าน
ที่มักจะถูกเชิญไปพูดในงานต่าง ๆ
ซึ่งผมถือว่าเป็นเรื่องที่คุ้มสุด ๆ ไปโปรโมทแบรนด์ได้ฟรี
(บางครั้งอาจจะได้ค่าเหนื่อยด้วยนิดหน่อย)
ซึ่งเหมือนได้ PR ฟรี
และนำมาสู่โอกาสทางธุรกิจอีกมหาศาล
ทั้งการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์
หรือแม้แต่กลไกง่าย ๆ อย่างเช่นดึงลูกค้าเข้ามา
เมื่อเราเข้าถึงได้ง่าย รู้ว่าใครเป็นเจ้าของแบรนด์
หรือผู้นำของแบรนด์ ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกเชิญไปยัง event ต่าง ๆ
ซึ่งทุกคนคงรู้ว่าการจัดงานแต่ละครั้งมีต้นทุนเสมอ และไม่ใช่เบา ๆ ด้วย
ดังนั้นการที่เราจับต้องได้ เป็นผู้มีอิทธิพลไม่มากก็น้อย
นั้นมีโอกาสต่อยอดฟรี ๆ อีกมากมายครับ
"สร้างตัวตน" เถอะครับ มันคุ้ม !!!
