5 Mindset เปลี่ยนคนธรรมดา เป็นแม่ค้าออนไลน์เงินล้าน


Blog Detail


ในวงการการขาย
มีคำเรียกนักขายประเภทหนึ่งว่า...
 
“Super Sale”
 
คือคนที่เป็นยิ่งกว่ามืออาชีพ
มีความสามารถในการขายเป็นอันดับต้น ๆ
ซึ่งแน่นอนว่าทำยอดขายได้มหาศาล
 
พวกเค้าไม่ได้ต่างจากนักขายคนอื่น ๆ
เพียงแค่เรื่องของทักษะอย่างเดียว
 
แต่ยังมี “Mindset” ที่เหนือชั้น
เป็นเคล็ดลับอยู่เบื้องหลังเงินล้านที่ทำได้
 
แล้วถ้าคุณเองก็สามารถ
ติดตั้ง Mindset เดียวกันกับเค้า
เพื่อจะสร้างยอดขายหลักล้านได้แบบเค้า
 
มันคงจะดีไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะครับ ?
 
ดังนั้นมาดูซิกันว่า
พวก Super Sale เค้ามี Mindset อะไรบ้าง
เพื่อที่คุณจะได้ปลูกฝังมันลงไปเช่นเดียวกัน
 
 
1. 'ภูมิใจ' ที่ได้ขายของราคาสูง
 
การขายของราคาสูง
ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ทำได้นะครับ
 
อย่าไปมัวกลัวเรื่องราคาขาย
คิดไปเองว่าของราคาถูกน่ะขายง่ายดี
 
สินค้าทุกอย่างบนโลกนี้จะถูกหรือแพง
มันขึ้นกับว่าคุณขายให้ใครต่างหาก
 
ที่เหลือก็เป็นเรื่องของการนำเสนอ
ที่บิลท์ Value ของสินค้าได้มากพอ
รวมถึงตัวคุณเองก็ต้องน่าเชื่อถือพอ
 
ซึ่งนักขายและแม่ค้าออนไลน์เก่ง ๆ
เค้าไม่กลัวเรื่องนี้กันหรอกนะครับ
 
แต่กลับมองว่าเป็นสิ่งท้าทาย
ที่ยิ่งทำได้ก็จะยิ่งเก่งขึ้น
สะท้อนคุณค่าที่น่าภาคภูมิใจมากขึ้น
 
ดังนั้นถ้าคุณขายสินค้าราคาสูง
จงภูมิใจกับมันครับ
ไม่ใช่เอามันมาตั้งเป็นปัญหา
 
 
2. 'ไม่ยึดติด' กับคำปฏิเสธ
 
ความรู้สึกของคุณจะเป็นยังไง
ก็ขึ้นกับว่าคุณเอาจิตใจของตัวเอง
ไปผูกไว้กับ “ความผิดหวัง” หรือไม่ครับ
 
เพราะก็ต้องเข้าใจด้วยว่าในโลกใบนี้
ไม่มีทางที่ทุกคนจะ Say Yes กับคุณได้อยู่แล้ว
การถูกปฏิเสธจึงถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ
 
แต่ตราบใดที่คุณเอาจิตใจตัวเอง
ไปล็อกติดอยู่กับความผิดหวัง
 
มันเป็นไปได้ยากมากที่จะหลุดพ้น
ไปสู่ความสมหวังได้
 
ดังนั้นจงย้ายความรู้สึกออกมาจากตรงนั้น
 
แทนที่จะเอาแต่ถามอย่างไร้ความหวัง
ว่า “ทำไมลูกค้าถึงไม่ซื้อ ?”
 
แปรสภาพมันเป็นคำถามที่มีความหวัง
ว่า “ทำยังไงลูกค้าถึงจะซื้อ ?”
 
เพื่อคิดหาวิธีการทีได้ผลต่อไป
แบบนี้สร้างสรรค์กว่ากันเยอะครับ
 
 
3. เราคือ 'ผู้กำหนด' ยอดขาย
 
การที่ลูกค้ามีศักยภาพในการซื้อแค่ไหน
อันนั้นมันก็อีกเรื่องนึง
 
แต่การที่คุณจะทำยอดขายได้แค่ไหน
อันนี้มันเป็นสิทธิ์ในกำมือของคุณครับ
 
ถ้าอยากจะได้มากขึ้น
คุณก็ต้องให้ Benefit ที่มากขึ้น
 
Upsell เพื่อทวีคูณสิ่งดี ๆ ให้ลูกค้า
เพื่อแลกเปลี่ยนกับยอดขายที่สมควรได้มา
 
อย่าย้ายสิทธิ์ในมือคุณ
ไปไว้ในมือลูกค้าเพียงอย่างเดียว
เพราะคุณต้องรับผิดชอบยอดขายของตัวเอง
 
ดังนั้นถ้ายอดขายยังไปได้ไม่ถึงเป้า
ให้ตั้งหลักเช็คตัวเองก่อนว่า...
 
คุณให้คุณค่าได้ดีที่สุด
ด้วยวิธีการที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง ?
 
 
4. เป้าหมาย 'เป็นเส้นชัย' ไม่ใช่เส้นตาย
 
การทำธุรกิจ ทำอาชีพที่เกี่ยวกับการขาย
คุณต้องเป็นคนที่ Active อยู่ตลอดเวลา
 
จะมัวมารอให้โอกาสวิ่งเข้ามาหา
หรือตั้งรับรอลูกค้าเป็นฝ่ายเข้ามา
มันไม่ใช่นิสัยของนักขายครับ
 
ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ
อยากพิชิตยอดขายได้เป็นล้าน
 
ก็จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน
เพื่อจะได้รู้ว่าต้องทำอะไร
ด้วยวิธีไหนต่อไปบ้าง
 
ซึ่งเป้าหมายก็ควรจะใหญ่กว่าเดิมด้วย
ไม่งั้นคุณก็จะทำเท่าเดิม
ด้วยความพยายามเท่าเดิม
 
แล้วชีวิตคุณก็จะติดอยู่ใน
Comfort Zone แบบเดิม
 
คุณก็รู้ใช่ไหมล่ะครับว่ายุคนี้
ถ้าใครที่ไม่ยอมพัฒนาตัวเอง
มันจะไม่ใช่แค่หยุดอยู่กับที่
แต่คุณกำลังถอยหลังโดยอัตโนมัติ
 
เพราะคู่แข่งเค้าพร้อมจะปาดหน้า
คว้าลูกค้าไปจากคุณอยู่ตลอดเวลา
 
ไหนจะคนรุ่นใหม่ ๆ ที่มากความสามารถ
ก็พร้อมจะแซงหน้าคุณในเวลาอันรวดเร็ว
 
เรียกว่าแค่อยู่เฉย ๆ ก็แพ้ไปโดยปริยายแล้ว
 
ดังนั้นการมีเป้าหมาย
ที่ท้าทายตัวเองได้อยู่เรื่อย ๆ
จะช่วยผลักดันคุณให้เดินหน้า
ไปสู่จุดที่ต้องการได้แน่นอนครับ
 
 
5. สินค้าจะขายได้ อยู่ที่ 'วิธีการนำเสนอ'
 
การขายแบบธรรมดานั้น โลกไม่จำครับ
 
แต่ถ้าคุณนำเสนอได้ดีมาก ๆ
คิดให้เยอะกับการนำเสนอ
ศึกษา ทำความเข้าใจลูกค้าและยุคสมัย
หากลยุทธ์และวิธีใหม่ ๆ อยู่เสมอ
 
ให้ลูกค้าเกิดมุมมองใหม่ ๆ ต่อสินค้า
ลูกค้าย่อมให้ความสนใจคุณแน่นอน
 
ยิ่งยุคนี้เป็นยุคของ Social Media
การสื่อสารไปยังลูกค้าได้อย่างแตกต่าง
 
แม้สินค้าจะธรรมดา
แต่คุณนำเสนอได้เหนือความธรรมดา
ยังไงก็ต้องมีคนซื้ออยู่แล้วครับ
 
เหมือนกับที่สุดยอดนักการตลาดนามว่า
Seth Godin ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ
“We Are All Weird” ว่า...
 
ทุกคนมีความไม่ธรรมดาในตัวเองอยู่แล้ว
ในขณะที่มนุษย์ที่สุดแสนธรรมดาจริง ๆ นั้น
มีอยู่น้อยมาก ๆ ในโลก
 
ก็ในเมื่อมันเป็นอย่างนั้น
แล้วทำไมคุณจะนำเสนออย่างแตกต่าง
ในแบบของตัวเองบ้างไม่ได้ล่ะครับ
 
.....................................
 
ทั้งหมดนี้คือ Mindset ที่จะช่วยเซ็ทตัวคุณ
ให้เปลี่ยนจากคนขายของธรรมดา ๆ
ไปเป็นแม่ค้าออนไลน์เงินล้านได้
 
ซึ่งนั่นมันก็เป็นสิ่งที่คุณคาดหวังไว้
ตั้งแต่ก้าวแรกที่เริ่มเข้ามาทำธุรกิจแล้ว
ไม่ใช่เหรอครับ ?
 
ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลอะไร
ที่คุณจะไม่เอามันไปใช้ นอกซะจากว่า
คุณเองนั่นแหละที่ไม่อยากได้ผลลัพธ์นั้น