ถ้าใครเคยไปลงประกวดหรือแคสต์งาน
เราจะพบว่า การที่ให้คนอื่นมากำชะตาชีวิตเรา
ในการได้หรือไม่ได้โอกาสอะไร มันคือ ‘ความเสี่ยง’
เราอุตส่าห์พัฒนาตัวเองมาขนาดไหน ฝึกการพูด ร้องเพลง
เปลี่ยนลุค โละเสื้อผ้าเก่า จ้างช่างแต่งหน้า ช่างผม
แต่คนคนเดียวที่ไม่เคยรู้จักเรา ทำไมจึงได้กุมอนาคตเรา
ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เลยว่าต้นทุนของเรามันมากขนาดไหน ?...
แต่ความจริงที่ผมพบก็คือ ถ้ามีคนจำนวนมากรู้จักเราในทางที่ดี
คนคนเดียวที่มีอำนาจคนเดิม จะหันมาสนใจเราโดยอัตโนมัติ…
ฐานแฟนคืออำนาจในการตลาดที่แท้ทรูครับ
แต่ผมจะมาขยายเพิ่มเติมให้ฟังว่า คนที่กำลังทำธุรกิจ
โดยเฉพาะ ในระบบตัวแทน จะเป็นระดับย่อย ระดับแม่ทีม ยันเจ้าของแบรนด์
‘ทำไมควรจะสร้างตัวตน’…
1) ‘ความเชื่อมั่น’ มหาศาล อาจจะมีค่ามากกว่า ‘ฐานแฟน’ มหาศาล
เราอย่าลืมว่า ธุรกิจตัวแทนเป็นธุรกิจ B2B (2C) ยอดขายส่วนแรกเกิดขึ้น
เพราะคนอยาก ‘ซื้อไปขาย’ ไม่ใช่อยาก ‘ซื้อไปกิน’
Demand ส่วนใหญ่เกิด Dealer ไม่ใช่ Consumer
ธุรกิจ B2B เกี่ยวข้องกับความเชื่อใจต่อคนใดคนหนึ่งมหาศาล
ขนาดที่ว่าเปลี่ยนคนดีล ก็คือเลิกซื้อไปเลย
ยอดหลัก 10,000,000 หายวับไปกับตา
เพราะแค่ ‘เปลี่ยนคนขาย’
ผมไม่ได้แนะนำว่าเราควรโฟกัสแต่คนขาย โดยไม่ทำสินค้าให้ Consumer ซื้อจริง ๆ
ตัวแทนมีหลายสไตล์ครับ บางกลุ่มมี Consumer เยอะมาก เพราะสินค้าได้คุณภาพจริง ๆ
บางสายมีแต่คนขายไม่มีคนกินก็มี แต่เราจะมุ่งเปลี่ยนคนกิน เป็นคนขายอย่างเดียวไม่ได้ครับ
มันจะช้ามาก เราต้องหาคนขายที่พิถีพิถันในการเลือกสินค้ามาขายต่างหาก
เพราะคนเหล่านี้เค้าแคร์ Consumer จริง ๆ
2) ‘ตัวตน’ จดจำง่ายกว่า ‘สินค้า’
แบรนด์จะติดหรือไม่ติด มันอยู่ที่คนจดจำ และนึกถึงเราได้มากแค่ไหน
ในวันที่สินค้าเกิดขึ้นนับแสน
แบรนด์ ‘ตัวคน’ ช่วยแยกแยะได้ง่ายกว่า
มิติของคนมีมากกว่าสินค้า
อย่างเช่น หน้าตา การแต่งตัว วิธีการสื่อสาร เนื้อหาที่พูดบ่อย
ความรู้ด้านต่าง ๆ ความดี การศึกษา และอื่น ๆ อีกเพียบครับ
แน่นอนว่า ‘มนุษย์เรา’ มีแง่มุมให้ลูกค้าจดจำและยึดมั่นถือมั่น มากกว่าสินค้าหลายเท่า
ถ้าสังเกตดูตัวเองเราจะพบว่า
เราจดจำ ‘คนรู้จัก’ ได้ ‘มาก’ และ ‘ลึก’ กว่าแบรนด์สินค้า-บริการ
3) ‘Leader’ ดึงดูดคนระดับ ‘Leader’ ด้วยกัน
การสร้างทีมให้โตไวอย่างง่ายที่สุด ไม่ใช่การปั้นตัวแทนทีละคน
แต่คือการรวบรวม ‘หัวเมืองใหญ่’ ไม่ใช่รวบรวม ‘หมู่บ้าน’
แต่ใช่ว่าหัวเมืองจะยอมเป็นปึกแผ่นกับเราง่าย ๆ
คนพวกนี้อาจจะเฝ้าดูเรา 4-6 เดือน เป็นอย่างต่ำ
(ตัวเลขนี้มาจากการที่พูดคุยกับระดับเจ้าของแบรนด์และแม่ทีมในตลาดจริง)
จริงอยู่ที่ว่าเราอาจจะไม่สามารถดึงดูดคนระดับ Leader ในตลาดได้เร็วในช่วงแรก
‘คนพวกนี้ไม่ได้มีเยอะ’ และมีเงื่อนไขในการ Join อยู่พอสมควร
ดังนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ในช่วงแรกอาจจะต้องปั้นคนที่มี Culture เดียวกับเรา
เพื่อมาคานอำนาจ และมา Lead วัฒนธรรม ที่เราอยากสร้างในทีมด้วย
แต่ยังไงก็ตาม ถ้าโฟกัสที่ ‘การเติบโต’ การได้ร่วมมือกับคนเก่ง ๆ ระดับผู้นำตลาด
มันเป็นการทุ่นแรงที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจอย่างหนึ่งครับ…
4) มันเป็น ‘การลงทุน’ ที่คุ้มค่าที่สุด
ไม่มีสิ่งไหนจะอยู่กับเราได้ตลอด ยกเว้นตัวเราเอง “ชื่อของเรา”
อยู่กับเรา นานกว่าแบรนด์ไหน ๆ แน่นอน
เราจะพบว่า การที่ให้คนอื่นมากำชะตาชีวิตเรา
ในการได้หรือไม่ได้โอกาสอะไร มันคือ ‘ความเสี่ยง’
เราอุตส่าห์พัฒนาตัวเองมาขนาดไหน ฝึกการพูด ร้องเพลง
เปลี่ยนลุค โละเสื้อผ้าเก่า จ้างช่างแต่งหน้า ช่างผม
แต่คนคนเดียวที่ไม่เคยรู้จักเรา ทำไมจึงได้กุมอนาคตเรา
ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เลยว่าต้นทุนของเรามันมากขนาดไหน ?...
แต่ความจริงที่ผมพบก็คือ ถ้ามีคนจำนวนมากรู้จักเราในทางที่ดี
คนคนเดียวที่มีอำนาจคนเดิม จะหันมาสนใจเราโดยอัตโนมัติ…
ฐานแฟนคืออำนาจในการตลาดที่แท้ทรูครับ
แต่ผมจะมาขยายเพิ่มเติมให้ฟังว่า คนที่กำลังทำธุรกิจ
โดยเฉพาะ ในระบบตัวแทน จะเป็นระดับย่อย ระดับแม่ทีม ยันเจ้าของแบรนด์
‘ทำไมควรจะสร้างตัวตน’…
1) ‘ความเชื่อมั่น’ มหาศาล อาจจะมีค่ามากกว่า ‘ฐานแฟน’ มหาศาล
เราอย่าลืมว่า ธุรกิจตัวแทนเป็นธุรกิจ B2B (2C) ยอดขายส่วนแรกเกิดขึ้น
เพราะคนอยาก ‘ซื้อไปขาย’ ไม่ใช่อยาก ‘ซื้อไปกิน’
Demand ส่วนใหญ่เกิด Dealer ไม่ใช่ Consumer
ธุรกิจ B2B เกี่ยวข้องกับความเชื่อใจต่อคนใดคนหนึ่งมหาศาล
ขนาดที่ว่าเปลี่ยนคนดีล ก็คือเลิกซื้อไปเลย
ยอดหลัก 10,000,000 หายวับไปกับตา
เพราะแค่ ‘เปลี่ยนคนขาย’
ผมไม่ได้แนะนำว่าเราควรโฟกัสแต่คนขาย โดยไม่ทำสินค้าให้ Consumer ซื้อจริง ๆ
ตัวแทนมีหลายสไตล์ครับ บางกลุ่มมี Consumer เยอะมาก เพราะสินค้าได้คุณภาพจริง ๆ
บางสายมีแต่คนขายไม่มีคนกินก็มี แต่เราจะมุ่งเปลี่ยนคนกิน เป็นคนขายอย่างเดียวไม่ได้ครับ
มันจะช้ามาก เราต้องหาคนขายที่พิถีพิถันในการเลือกสินค้ามาขายต่างหาก
เพราะคนเหล่านี้เค้าแคร์ Consumer จริง ๆ
2) ‘ตัวตน’ จดจำง่ายกว่า ‘สินค้า’
แบรนด์จะติดหรือไม่ติด มันอยู่ที่คนจดจำ และนึกถึงเราได้มากแค่ไหน
ในวันที่สินค้าเกิดขึ้นนับแสน
แบรนด์ ‘ตัวคน’ ช่วยแยกแยะได้ง่ายกว่า
มิติของคนมีมากกว่าสินค้า
อย่างเช่น หน้าตา การแต่งตัว วิธีการสื่อสาร เนื้อหาที่พูดบ่อย
ความรู้ด้านต่าง ๆ ความดี การศึกษา และอื่น ๆ อีกเพียบครับ
แน่นอนว่า ‘มนุษย์เรา’ มีแง่มุมให้ลูกค้าจดจำและยึดมั่นถือมั่น มากกว่าสินค้าหลายเท่า
ถ้าสังเกตดูตัวเองเราจะพบว่า
เราจดจำ ‘คนรู้จัก’ ได้ ‘มาก’ และ ‘ลึก’ กว่าแบรนด์สินค้า-บริการ
3) ‘Leader’ ดึงดูดคนระดับ ‘Leader’ ด้วยกัน
การสร้างทีมให้โตไวอย่างง่ายที่สุด ไม่ใช่การปั้นตัวแทนทีละคน
แต่คือการรวบรวม ‘หัวเมืองใหญ่’ ไม่ใช่รวบรวม ‘หมู่บ้าน’
แต่ใช่ว่าหัวเมืองจะยอมเป็นปึกแผ่นกับเราง่าย ๆ
คนพวกนี้อาจจะเฝ้าดูเรา 4-6 เดือน เป็นอย่างต่ำ
(ตัวเลขนี้มาจากการที่พูดคุยกับระดับเจ้าของแบรนด์และแม่ทีมในตลาดจริง)
จริงอยู่ที่ว่าเราอาจจะไม่สามารถดึงดูดคนระดับ Leader ในตลาดได้เร็วในช่วงแรก
‘คนพวกนี้ไม่ได้มีเยอะ’ และมีเงื่อนไขในการ Join อยู่พอสมควร
ดังนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ในช่วงแรกอาจจะต้องปั้นคนที่มี Culture เดียวกับเรา
เพื่อมาคานอำนาจ และมา Lead วัฒนธรรม ที่เราอยากสร้างในทีมด้วย
แต่ยังไงก็ตาม ถ้าโฟกัสที่ ‘การเติบโต’ การได้ร่วมมือกับคนเก่ง ๆ ระดับผู้นำตลาด
มันเป็นการทุ่นแรงที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจอย่างหนึ่งครับ…
4) มันเป็น ‘การลงทุน’ ที่คุ้มค่าที่สุด
ไม่มีสิ่งไหนจะอยู่กับเราได้ตลอด ยกเว้นตัวเราเอง “ชื่อของเรา”
อยู่กับเรา นานกว่าแบรนด์ไหน ๆ แน่นอน
- Personal Brand จะไปทางไหน จงวางกรอบให้ชัด
- มาตรฐานคุณภาพ รักษาให้สม่ำเสมอ
- เครดิตการเงินรักษาให้ดี
เพราะในระยะยาวถ้าเรามีฐานแฟนเป็นของตัวเอง
ที่ไม่ใช่แค่ชอบ Content แต่ชอบตัวตนของเราจริง ๆ
ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนใครเทครับ
“จงร่วมมือกับคนที่ใช่ แต่อย่าฝากชีวิตทั้งหมดไว้กับเค้าครับ”
