10 เทคนิคปั้น TikTok ให้ดังจากหมอกิมใน Kong story

ครบเครื่องเรื่องการตลาด Tiktok ในบทความเดียว

Blog Detail


1. #ทำคลิปให้คนสงสัย ไม่ใช่ผลักไส

เพราะส่วนใหญ่เราจะดูสินค้าที่เราสนใจ

หรืออยากซื้ออยู่แล้วเท่านั้น

 

ถ้าเป็นสินค้าใหม่ๆ ที่ยังไม่รู้จัก

เห็นปุ๊ประบบการป้องกันการใช้จ่าย

จะปัดคลิปหนีทันที

 

เริ่มลำดับใหม่

มีปัญหา ถึงจะมีงบในการแก้ปัญหา

มีจุดประสงค์ในการใช้งาน

ก็มีงบในการซื้อมาติดไว้ที่บ้าน

 

คอยเชื่อมไปทีละจุด

คุยถึงปัญหา /เล่าให้ฟังถึงผลลัพธ์

แล้วค่อยโยงมาที่สินค้า

 

ถ้าคนดูมาถึงครึ่งทาง

และเริ่มมีความสนใจ

เค้าก็มักจะดูต่อจนจบ

 

และที่สำคัญอย่าตัดใจ

ถ้าคลิปมันไม่ปังใน TikTok

เพราะตอนนี้คุณลงได้ทุกที่

มีลูกศิษย์หลายเคสเล่าให้ฟังว่า

คลิปบางคลิปไม่ปังใน TikTok แต่ไปปังใน Reels 

คลิปบางคลิปไม่ปังใน Reels แต่ปังใน TikTok

2. #ปรับสูตรคิดคอนเทนต์ 

เป็น 3 จิ๊กซอว์ในการคิดคอนเทนต์ 

 

เทรนด์ + Pain Point + จุดขาย

3 องค์ประกอบ

ในการคิด Content ในสไตล์ TikTok

 

เพราะ TikTok มีการยกประเด็นใหม่ๆ

ในรูปแบบของ Hashtag หรือเทรนด์มาคอยเล่น

เรียกว่าทำการตลาดกับ Users 

ในประเทศไทยโดยเฉพาะเลย

 

โดยปกติเราจะคิดคอนเทนต์

ด้วยการผูก Pain Point ของลูกค้า 

กับจุดขายที่ แก้ปัญหานั้นได้ 

 

เทรนด์ คลื่นหนุนคลิปของเรา

อยู่ในรูปแบบที่ # ดังๆในช่วงนั้น

คลาสแฟชั่น

เมนูทำง่าย

 

ยกตัวอย่าง

เทคนิคในการเชื่อมโยงกัน

 

สินค้าเป็นอาหารเสริมโปรตีน

กับ #ห้องครัวTiktok

ทำอาหารกินตามใจ แล้วจบด้วยโปรตีนสินค้าของเรา

ชูคอนเซปต์มื้อไหนก็โปรตีนแน่น ๆ ได้

ด้วยสินค้าของเรา

 

สินค้าเป็นครีมหน้าขาว

กับ #เกมเมอร์

เล่นเกมจนดึก

นอนน้อยลุกขึ้นมาเล่นเกม

สู้ชีวิตต่อ ทำไหมยังหน้าใส

เพราะใช้สินค้า xxx ของเรา

 

สินค้าเป็นเฟอร์นิเจอร์

กับ #การเงิน

นั่งทำงานในสีมงคล

ทำอะไรก็ลื่นไหลดี ติดขัดน้อยกว่า

เอาความมูเตลู ที่สร้างความสบายใจ

และความเชือมั่นในการทำงานมาเป็นกลยุทธ์

 

3 #สวัสดีให้น้อยลง

 

มีแค่ 3 วินาทีเท่านั้น

ที่จะทำให้คนดุต่ออีก 30 วินาที

 

คลิปของเราเบรกลูกค้าให้อยู่

ลูกค้าไถฟีดเลื่อนผ่านช่องเราไป

 

ดังนั้น 3 วินาที

ไม่ต้องสวัสดี เข้าเรื่องได้ดีเลย

 

เปิดแผล ขยี้ Pain point

หรือ Goal เป็นหลัก

 

ถ้าอยากให้คนหยุดดูมากขึ้น

ให้ใส่ “ฟีลลิ่งบนใบหน้า”

กล้ามเนื้อใบหน้า

ต้องทำงานหนักกันเลยทีเดียว

เพราะสายตาคนจะโฟกัส

คนที่แสดงความรู้สึกมากกว่าปกติ

 

ต่อจากนั้น

ให้คนดูคลิปจนอยากซื้อ

จั่วหัวได้แล้ว รั้งลูกค้าต่อยังไง

 

การจั่วหัวเป็นการเปิดโอกาส

แต่ไม่มีทางที่ลูกค้าจะอยากซื้อสินค้าเรา

จากการฟังแค่ 3-4 วินาที

 

เพื่อดึงลูกตาของคนดู

ให้ไปต่อกับคลิปของเรา

ใน 2-3 วิ ต้องเปลี่ยน

Scene /ฉาก/มุมกล้อง

ให้ลูกค้ารู้สึกว่าการดำเนินเรื่องกระชับ

และเข้าประเด็นต่อเนื่อง

4. #เรียกคนดูมาแล้ว

อย่าลืมเรียกยอดขายด้วย

 

ดูจนจบแล้วให้เค้าทำอะไรต่อ

กดติดตาม Comment 

หรือสั่งซื้อสินค้า

 

จะพูดผ่านคลิปเลยก็ได้

หรือจะเขียนเป็นข้อความในคลิปแบบชัดๆ

ก็ไม่มีปัญหา 

 

อย่าคิดว่าสินค้าคุณดัง

แล้วคนจะรู้จักทุกคน

 

อย่าคิดว่าพูดถึงทุกวัน

แล้วลูกค้าจะรู้ว่ามีสินค้าอะไรบ้าง

 

และถ้าแนะนำ Call to action ที่สำคัญที่สุดก็คือ

 

-คอมเมนต์เปิดเผยคนที่สนใจให้แสดงตัว

เราจะได้ติดตามกลับหรือทักไป

และได้เห็นแนวโน้มความสนใจสินค้า

 

-สั่งซื้อเปลี่ยนความสนใจของลูกค้า

ให้เป็น Order จริงๆ จะให้ไปสั่งใน TikTok Shop

หรือลิงค์ใน LINE Shopping 

ในหน้าช่องเราก็ได้ 

5.    #Personal Branding 

ปูแล้วโกยเรียบด้วยโฆษณา

 

สินค้าที่ไม่เป็นที่รู้จัก

ไม่ว่าจะราคาไหน

มันจะขายยากกว่า

ตอนเป็นที่รู้จักเสมอ

 

ปลูกแบรนด์ให้เป็นกระแส 

และหว่านแห

ลากยอดขายด้วยโฆษณา

 

จะเป็นการปลุกกระแสแบรนด์

ด้วย Influencers

 

ไม่ใช่ Presenter 

ที่เอาภาพมาตัดแปะ

ลงคอนเทนต์เฉยๆ 

 

ปั่นกระแสให้สินค้าเรา

อยู่อันดับต้นๆของ Shopping List 

เป็นตัวเลือกแรกๆในการซื้อ

แล้วเอาโฆษณาไปยิงเก็บเกี่ยว

 

ธุรกิจออนไลน์

จะสร้างตัวตนใช้ influencers ยืนพื้น 1 คน

ที่มีหน้าที่สร้างความต้องการสินค้า

 

อยู่ที่ว่าเจ้าของแบรนด์จะเป็นเอง

หรือจะใช้คนอื่นๆ 

 

แต่สมัยนี้จะทำระดับ Advance คือ

-ทำโดยรู้ว่าจะดึงดูดลูกค้ากลุ่มไหนมาขายสินค้าอะไร

-ไป Collab กับคนดังเพื่อโปรโมทตัวบุคคลพร้อมกับสินค้า

-มีตำแหน่งคอยเก็บคอนเทนต์วิดีโอในชีวิตประจำวัน

6.   #เลิกยิงโฆษณาในมือถือ 

แล้วไปเลือกกลุ่มเป้าหมาย

แบบละเอียดในคอมพิวเตอร์แทน

 

-เลือกโลเคชั่นได้ ตามจังหวักประเทศได้เลย

ซึ่งหลายๆ ธุรกิจ 

แค่เลือกโลเคชั่นได้ถูกกับกลุ่มเป้าหมาย

 

บางธุรกิจก็มีตำแหน่ง

ของหน้าร้านชัดเจนด้วยซ้ำ

แค่นี้ยิง ads โฆษณาแม่นขึ้นเยอะแล้ว

 

-เลือกความสนใจได้เป็นร้อยๆตัว

 

ในมือถือเจาะลึกแทบไม่ได้เลย

แล้วก็ยังไม่มีระบบการนำส่งที่เน้นยอดขายแท้จริง

 

ใน TikTok ads manager 

เรายิงความสนใจได้ และจะบอกว่าแม่นมาก

แถมยังยิงตาม Hashtag ได้อีกด้วย

 

ซึ่งเดี๋ยวจะขยายความไปในข้อถัดไป

7.   #แนวทางยิงโฆษณาตาม Hashtag

Tiktok เป็น 1 ใน 2 แพลตฟอร์มที่ยิง

โฆษณาตาม Hashtag ได้ 

 

-Twitter และ TikTok 

 

การยิงโฆษณาตาม Hashtag 

ช่วยทำให้ยิงโฆษณาเชิงลึกได้ 

 

ยกตัวอย่างเช่น 

#สิวอักเสบ ก็เป็นการยิงที่ชัดเจน

แยกลงลึกในกลุ่มปัญหาของสิว

 

-ยิงโฆษณาหา Presenter 

เพราะมักจะเป็นคนดัง

ก็ยิงหาแฟนคลับหรือคนที่เห็นสินค้าของเค้าได้

ยกตัวอย่างเช่น #อิงฟ้าชาล็อต

 

-ยิงโฆษณาหา

คนที่รู้จักแบรนด์ของคุณได้

 

ซึ่งหลาย ๆ แบรนด์ก็มี hashtag 

ของตัวเองติดในระบบโฆษณาแล้ว

 

ซึ่งถ้าตัวเองไม่ใช้ยิง

คู่แข่งนั่นแหละอาจจะเป็นคนใช้ยิงแทนก็ได้

 

ตัวอย่างในภาพเป็นของ

แบรนด์โบต้าพีซึ่งขายโปรตีนครับ

 

-ยิงโฆษณาหา Series ของสินค้าได้

เช่น รุ่นรถยนต์ อย่างผมไปสอนให้กับแบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่

ก็จะมีรถ SUV ,รถกระบะ ,รถบรรทุก

ก็แยกตามกลุ่มเป้าหมายกันไปได้เลย

8. Tiktok Shop Marketing 

 

ควรเปิดไว้ 100% 

เพราะหลายๆ 

คนน่าจะยังไม่ได้ทำ

 

ตั้งรับเอฟเฟคของการตลาดที่เราลงทุนลงแรงไป

ทำให้การปิดการขายเกิดขึ้นได้แบบ

24 ชั่วโมง ถ้าเรายังสามารถทำให้ลูกค้า

เข้ามาที่หน้าช่องของเราได้ต่อเนื่อง

 

ลูกค้ากดเข้ามา เลือกซื้อได้เลย

แล้วช่วงนี้ก็มี CODE แจกเรื่อยๆ

ก็ถือว่าเป็นกำไ

สำหรับคนทำธุรกิจออนไลน์มากๆ

กลยุทธ์ที่น่าสนใจ

 

คือสิทธิ์จำกัด

มากกว่าการจำกัดเวลา

Surprise Promotion 

บิ้วให้อยากได้สินค้าต่อเนื่อง 

แล้วจำกัดเวลาในการจัดโปรพิเศษ

เพื่อให้ลูกค้าตกลงใจซื้อทันที

9. #LIVE ใน Tiktok แบบ Real Live commerce 

 

-สร้างความต้องการและเก็บ Order ได้ทันที

ไม่ต้องดูดคอมเมนต์ไม่ต้องไป Cf การสั่งซื้อ

ด้วย TikTok Shop

 

-โปรโมทโฆษณาได้ Inorganic Live 

การันตีคนดูได้ระดับนึง

Grand Opening ผ่าน Live มากขึ้น

เพราะ Control จำนวนคนเข้าร่วมได้

 

-นอกจากนี้ยังมี Creator Marketplace 

ให้เลือก ส่งข้อความหา Influencers 

ที่เราสนใจจะให้เค้าขายสินค้า

ผ่านระบบการกรอก % ส่วนแบ่งที่ชัดเจน

 

10. #กลยุทธ์ Up selling สินค้า

ในไลฟ์ให้ได้ยอดขายปังๆ

 

การขายผ่าน Live บิ้วยอดใหญ่

ได้ง่ายที่สุด

ทำให้ลูกค้า แบบไม่คิดชีวิต

 

ให้โฟกัสในการขายเป็นแพค

ไม่ใช่ทีละชิ้น

ดังนั้นสินค้า A,B,C ต้องมัดรวมกันได้ 

-ใช้ร่วมกัน เช่น รองพื้นกับแป้ง เป็นต้น

-ส่งเสริม ช่วยแก้ปัญหาเดียวกัน

เช่น กันแดด กับครีมหน้าขาว เป็นต้น

 

ต้องทำการบ้านเรื่องสินค้า การ SET UP 

 

-Live Selling Skill 

ทักษะการขายในไลฟ์

แตกต่างจากใน Chat และการอัดคลิป

 

ต้องจับอารมณ์ลูกค้า

ให้เป็นแบบ Real time บิ้วเก่ง ขยี้ปัญหา 

 

และที่สำคัญ

ต้องเร่งรัดลูกค้าให้เป็น 

 

แพรวพราวในการกระตุ้นให้ชำระเงิน

ณ เวลานั้นเลย

คำนวณโปร คำนวณสิทธิ์มาแล้ว

ขายอย่างจำกัดเท่าไหร่ คนจะแย่งกันซื้อ

 

เพราะแค่ห่างกัน 1 นาที

ลูกค้าก็เปลี่ยนใจได้แล้ว