คุณคงจะทราบเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า
คอนเทนต์ที่มีผลต่อความรู้สึกของลูกค้า
มากที่สุดอย่างหนึ่งเลยก็คือ “รูปภาพ”
เพราะเมื่อคนเห็นรูปภาพ
เค้าจะเสพได้เร็ว เข้าใจได้ไว
ตีความได้ในทันที
มันจึงเป็นเหตุผลที่คอนเทนต์ต่าง ๆ
พยายามทำภาพออกมาให้สวย
สะดุดตา น่าดึงดูดใจ
เพื่อจับความสนใจของคนได้อยู่หมัด
แต่เคยสงสัยตงิด ๆ บ้างไหมครับ
ว่ารูปภาพที่สวยงามทุกรูป
มันทำให้ขายได้จริง ๆ เหรอ ?
เพราะในความเป็นจริงแล้ว
รูปภาพสำหรับขายสินค้าบางภาพ
เซ็ตฉาก จัดแสง ในสตูดิโอมาอย่างดี
กลับไม่ทำยอดขายได้มากเท่าที่คิด
มันดูตั้งใจเกินไปเหรอ ?
มันดูไม่สมจริงหรือไง ?
มันดูไม่ค่อยน่าเชื่องั้นเหรอ ?
สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ “ความสวยงาม”
บางครั้งก็เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่ง
ของรูปภาพสำหรับขายสินค้า
แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด
เพราะสิ่งสำคัญที่เป็นเสาหลักแท้จริงของมัน
คือการสื่อ “KEY IMAGE”
ในสิ่งที่เป็น “จุดขาย” ออกไปต่างหากล่ะครับ
โดย Key Image ที่ว่านั้น
มีหน้าที่สื่อถึงแง่มุมต่าง ๆ ของสินค้าดังนี้
1. สื่อถึง “ความรู้สึก” ที่ได้รับ
ตัวอย่างที่คุณจะเข้าใจได้ง่าย ๆ เลยก็คือ
“คลีนเซอร์” ล้างหน้า
แน่นอนครับว่ามันสื่อออกมา
ได้มากกว่า 1 มุม
แต่แง่มุมหนึ่งที่ต้องนึกถึงแน่ ๆ
และมีแบรนด์ที่สื่อออกมาคล้าย ๆ กัน
ก็คือ “ความเย็น ความสดชื่น”
ภาพที่สื่อออกมาจึงมักเป็นภาพของ...
การสาดน้ำใส ๆ ลงไปบนหน้า
ไม่เว้นแม้แต่บนขวดของสินค้า
เพื่อบอกให้ถึงความรู้สึกว่า...
เมื่อคลีนเซอร์ตัวนี้ถูกสัมผัสลงบนผิวหน้า
หน้าของคุณจะรู้สึกเย็น สดชื่น
และตามมาด้วยความโล่ง เบา สบาย
เพราะล้างเครื่องสำอางออกไปได้หมดจด
รูปภาพในลักษณะนี้
อาจเหมาะกับการใส่ลงไปในส่วนของ
การแนะนำข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่า
เพราะมันก็ไม่ใช่แค่ Key Image
ในเรื่องของความเย็น สดชื่น เท่านั้น
ที่ลูกค้าต้องการจะเห็นเป็นหลักซะทีเดียว
มันยังมีอีกแง่มุมที่คลีนเซอร์สักขวด
จะสามารถสื่อออกไปถึงลูกค้าได้
แต่เพื่อการแยกให้เห็นความแตกต่าง
ของ Key Image ได้อย่างชัดเจน
ผมจึงขอยกไปอธิบายในข้อ 2 ก็แล้วกันครับ
2. สื่อถึง “ความสามารถของสินค้า”
สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ
เมื่อจะนำเสนอขายสินค้าอะไรสักอย่าง
คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของ “Benefit” ครับ
คุณจึงควรนำเสนอ Key Image
ในแง่มุมที่สื่อถึง Benefit
ที่ลูกค้าจะได้รับจากสินค้า
ขอกลับมาที่ตัวอย่างของคลีนเซอร์อีกครั้ง
Benefit ที่ลูกค้าอยากเห็นว่ามันทำได้
นั่นก็คือ “เช็ดเครื่องสำอางได้หมดจด”
ซึ่ง Key Image ลักษณะนี้ต้องการ
ความ Real ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเน้น
ความสวยงามเป็นหลัก เพราะลูกค้าอยากเห็น
“ความสามารถจริง” ที่สินค้าทำได้มากกว่า
รูปภาพที่ได้ผลจึงมักเป็นรูปที่
ทำให้เห็นภาพของ...
การใช้สำลีที่ชุ่มคลีนเซอร์เช็ดลงไปใบหน้า
พร้อมคราบเครื่องสำอางหนา ๆ
ที่ติดออกมาเป็นปื้นใหญ่ ๆ
รูปภาพแบบนี้แหละครับ
ที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่าย
เพราะมันให้คำตอบได้ในทันที
ว่าสินค้าทำได้อย่างที่เค้าต้องการหรือเปล่า
3. สื่อถึง “ความแตกต่าง” ของผลลัพธ์
สินค้าบางประเภทก็อาจไม่ได้มีแค่ตัวเดียว
แต่มีตัวเลือก Option อื่น ๆ
ที่ตอบโจทย์ความต้องการแตกต่างกันไป
การสื่อถึง Key Image
ของผลลัพธ์ที่ได้ในแต่ละ Choice
ก็ต้องนำเสนอออกมาให้เห็นแบบชัด ๆ
ซึ่งตัวอย่างที่เห็นภาพมาก ๆ ในประเด็นนี้
ก็คือ “เลนส์กล้อง” ครับ
ถ้าคุณใช้กล้อง หรือเล่นกล้องก็คงจะรู้ดี
ว่ามันมีเลนส์ที่เหมาะต่อสถานการณ์
การใช้งานหลากหลายไม่เหมือนกัน
เช่น ...
“เลนส์ถ่ายภาพ Landscape”
โชว์ให้เห็นภาพถ่ายวิวทิวทัศน์จากเลนส์
ในคอนเซ็ปต์ที่ว่า...
“เปิดมุมมองภาพจากเลนส์ที่กว้างขึ้น”
“เลนส์ซูม” ที่ต้องเจาะถ่ายจากที่ไกล ๆ
โชว์ให้เห็นภาพถ่ายฝูงนกฟลามิงโก
ที่คุณไม่สามารถเข้าไปถ่ายใกล้ ๆ ได้
ในลักษณะของ...
“เลนส์ซูมควบคุมได้ง่าย เก็บรายละเอียด”
“เลนส์ถ่ายภาพ Portrait”
โชว์ภาพนางแบบที่ถ่ายด้วยเลนส์นี้
แล้วให้ภาพที่ออกมาสวยงาม
“เลนส์ค่า F ต่ำ หลังละลาย”
แน่นอนว่าต้องโชว์ภาพที่หน้าเด่นคมชัด
Background ละลายจนแทบหายไปเลย
หรือถ้าสินค้าของคุณเป็น Makeup
ลิปสติก , บลัชออน ที่มีหลายสี หลายสไตล์
ก็สามารถทำออกมาให้เห็นภาพที่แตกต่าง
เมื่อมันถูกแต่งลงไปบนใบหน้า
แต่ละสีแต่งออกมาแล้วเป็นยังไง
สีไหนเหมาะกับ Lookไหน
สีไหนเหมาะกับไปงานแบบไหน
(ซึ่งถ้าแนะนำเค้าให้ด้วย จะยิ่งดีมากครับ)
การเปรียบเทียบออกมาให้เห็น
เป็นส่วน ๆ แบบนี้ ลูกค้าจะ Get ง่าย
ตัดสินใจถูก ว่าแบบไหนเหมาะกับ
ที่เค้าต้องการมากที่สุดครับ
4. สื่อถึงภาพเมื่อ “เอาไปใช้”
Key Image ในลักษณะนี้
ค่อนข้างเหมาะกับสินค้า Fashion
เช่น “กระเป๋า รองเท้า”
แน่นอนครับว่า ลูกค้าอยากเห็นรายละเอียด
ของตัวสินค้าในทุกด้าน ทุกมุม
ทั้งสี รูปทรง บางทีไม่เว้นแม้แต่รอยเย็บ
คุณก็ต้องมีรูปภาพของตัวสินค้า
ออกมาในหลากหลายมุม
ให้ลูกค้าได้ส่องดู หมุนดู ซูมดู
จนกว่าเค้าจะแน่ใจว่าชอบจริง ๆ
แต่มันยังไม่หมดแค่นั้นครับ
คุณยังต้องฉายภาพในหัวให้ลูกค้าเห็นด้วยว่า
เมื่อเค้าใส่ ถือ สะพายมันออกไปข้างนอกแล้ว
เค้าจะดูดีแค่ไหน ภาพลักษณ์ที่ได้เป็นยังไง
จึงต้องมีภาพของ...
การสวมรองเท้า หิ้วกระเป๋า
ที่นำเสนอการ Mix and Match
กับเสื้อผ้า การแต่งตัว ที่เข้ากันได้
แต่งแบบนี้เหมาะกับไปนั่งร้านกาแฟชิค ๆ
Hangout ร้านคูล ๆ ถ่ายรูปโชว์ลงโซเชียล
อะไรก็ว่าไปครับ
มันจะเป็นการ Present ให้ลูกค้าเห็น
ว่าเมื่อได้ไปแล้ว เค้าจะเอาไปใช้ยังไงได้บ้าง
ใช้กับอะไรได้บ้าง
ยิ่งคุณ Present ได้ดีน่าใช้เท่าไหร่
ก็ยิ่งดึงดูดใจให้เค้า
อยากควักระเป๋าซื้อเท่านั้นครับ
..............................
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้
ผมคิดว่าคุณคงพอเข้าใจการนำเสนอ
Key Image ของคอนเทนต์รูปภาพมากขึ้น
เพราะไม่ว่ายังไงก็ต้องไม่ลืมนะครับ
ว่าคอนเทนต์รูปภาพของคุณนั้น
ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อการขายของ
มันจึงต้องใช้หลักการ Present
แบบการตลาด การขาย และการโฆษณา
ที่มีอะไรมากกว่าแค่คำว่า “สวยงาม”
เพียงอย่างเดียวครับ