ใช้กฎแรงดึงดูดลูกค้าอย่างชาญฉลาดผ่านวิธีคิดแบบ S.M.A.R.T

การตลาดเชิงจิตวิทยา

Blog Detail

ชวนมารู้จักการตลาดเชิงจิตวิทยาหรือ 

“Inbound Marketing”

ซึ่งเป็นกลยุทธิ์การตลาดแบบดึงดูดลูกค้า

ให้ติดหนึบกับ แบรนด์ของเรา

งัดทุกกลเม็ดที่จะเปลี่ยนให้คนแปลกหน้า (Stranger)

กลายมาเป็นผู้ชื่นชอบแบรนด์ (Promotors)

ผ่านคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ยั่วยวน 

และต้องมีเนื้อหาที่ตอบโจทย์ลูกค้าอีกด้วย


Strangers -------------------> Promotors


**แต่การตลาดแบบดึงดูดจะยิ่งมีประสิทธิภาพกับธุรกิจที่ใช้ 

เวลาตัดสินใจนาน เช่น 

ธุรกิจให้คำปรึกษา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ยานยนต์ ธุรกิจ B2B ขายสินค้ามูลค่าสูง

สำหรับใครที่มีไอเดีอยากใช้การตลาดดึงดูด 

ต้องรู้จักวิธีคิดแบบ S.M.A.R.T


S – Specific 

เช่น คุณเคยอยากขายสินค้าได้เดือนละเยอะๆ

ลองเปลี่ยนมาเป็นเดือนนี้

คุณจะขายสินค้า ให้ได้ 1000 ชิ้น 

เพื่อที่จะได้มีกำไร 3 แสน อย่างนี้ดีกว่าไหมฮะ?


M – Measurable 

เมื่อตั้งเป้าหมายแล้วขั้นตอนต่อไปคือ

ใช้ Marketing Tools

เช่น Facebook ads Google Adwords 

ในการทำเป้าหมายให้เป็นจริง


A – Achievable 

มาถึงขั้นสเกลการตลาดให้ใหญ่ขึ้น

คุณต้องคำนวณถึงต้นทุนและศักยภาพของตลาดที่จะพาธุรกิจของคุณให้เติบโตได้จริง

ตั้งเป้าใหญ่ไป อาจจะไปไม่ถึง 

อินไม่จริงยิ่งลงมือไม่จริงจัง ตั้งเป้าพอดี

เป็นฐานใหม่ให้เรากระโดดแตะเป้าใหญ่ถึง


R – Relevant 

การตั้งเป้าหมายใครๆก็สามารถทำได้

เพราะไม่ใช่เรื่องยากแต่การตั้งเป้าหมาย

ในแบบที่เข้ากับธุรกิจ คุณจริงๆนั้นยากกว่า

ได้ยอดวิว แล้ววิวนั้นสร้างการรับรู้สินค้าไหม

ได้คนติดตาม แล้วคนตามเป็นลูกค้าเราได้ไหม


ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในการวิเคราะห์ตลาดร่วมด้วย

 ว่าเป้าหมายที่ตั้งนั้นจะพาธุรกิจคุณเกิดกำไรแน่นอน


***Tip How to ของการใช้แรงดึงดูด

มาเป็นการตลาดยุค ใหม่

มีจุดเริ่มต้นมาจาก 4 สเตปนี้ 


1.Attract – ดึงดูด

สเตปแรกคุณต้องสร้างแรงดึงดูดให้แบรนด์ของคุณ

เพื่อที่จะเปลี่ยน Stranger ให้กลายมาเป็น Visitors

ด้วยวิธีสร้างคอนเทนต์ที่ยั่วยวนชวนสงสัย

กระตุ้นความอยากให้เข้ามาทำความรู้จักแบรนด์ 

โดยใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เป็นตัว 

ส่งคอนเทนต์ออกไปสู่สายตาทาร์เกตของคุณ


2.Convert – ชวนให้เขาอยากขยับสถานะ 

เมื่อคุณสร้างผู้เข้าชม (Visitor) ให้เกิดขึ้นมาได้แล้ว

แค่นี้มันยังไม่พอฮะคุณต้องเปลี่ยนผู้ชม 

ให้กลายมาเป็นรู้จักแบรนด์

ด้วยการใช้แพลตฟอร์ม 

เช่น ไลฟ์สด โซเชียลมีเดียคอนเทนต์ 

เพื่อให้ผู้คนได้รู้จักแบรนด์คุณมากขึ้น


3.Close – ปิดการขาย 

จุดนี้ทำให้คุณมียอดขายก็จริง 

แต่การรีบเปลี่ยนคนรู้จักให้เค้ารีบมาเป็น 

“ลูกค้า” อาจจะพังได้เพราะไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมเป็นลูกค้า


4.Delight – รักษาความพึงพอใจลูกค้า

แม้คุณจะเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้มาเป็นลูกค้า

พร้อมควักเงินจ่ายแล้วแต่สิ่งสำคัญที่สุด 

คือการสร้าง Royalty ให้เกิดขึ้นกับแบรนด์นะฮะ 

เช่น การบริการหลังการขาย


คอยติดตามอัปเดตลูกค้าสม่ำเสมอ


ขอบคุณแหล่งที่มาจาก :CREATIVE TALK