ไม่ต้องไปนับเพจขายของทั้งหมด
ที่มีอยู่ในเฟสบุ๊คตอนนี้หรอกครับ
เอาแค่กรอบลงมาเหลือเฉพาะ
เพจที่ขายสินค้ากลุ่มเดียวกับคุณ
ลูกค้าก็ยังมีตัวเลือกอีกมหาศาล
ที่เหลือก็เพียงแค่ว่าสุดท้ายแล้ว
เค้าเลือกที่จะจ่ายให้กับเพจไหน ?
เพจที่ดูเลื่อนลอย ดูไม่ค่อยมีเครดิต
จะโอนเงินให้สลึงเดียวยังคิดแล้วคิดอีก
หรือเพจที่มี Branding น่าเชื่อถือมาก ๆ
ลูกค้าสัมผัสแล้วรู้สึก Trust
มั่นใจที่จะโอนเงินซื้อของด้วย
ถ้าเป็นคุณเองก็คงเลือกเพจที่ 2
เหมือนกันใช่ไหมล่ะครับ ?
เพราะเพจที่มี Branding มี Trust
มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้ามาก ๆ
โดยเฉพาะถ้าเป็น “ยอดขายก้อนใหญ่”
ด้วยความน่าไว้วางใจ...
“ลูกค้า” จึงกล้าที่จะซื้อครั้งละมาก ๆ
ซื้อไปทีนึงเป็นเซ็ตใหญ่ ๆ
ด้วยความน่าเชื่อถือ...
“ตัวแทน” จึงกล้าลงทุนเงินก้อน
เปิดบิลร่วมทำธุรกิจด้วย
นี่แหละครับข้อได้เปรียบของเพจเหล่านี้
ที่ได้ใช้เทคนิคทำให้เพจมีความเป็น
“บุคคล + น่าเชื่อถือ”
ซึ่งถ้าอยากคุณรู้วิธีการเพิ่มเติม
ผมก็ขอขยายให้ฟังชัด ๆ ดังนี้ครับ
1. Personalize ให้เป็นตัวคุณ
เพจของคุณต้องมีความ “บุคคล” ครับ
มันดียิ่งกว่าการมีคาแรกเตอร์ที่เป็น
บริษัท , องค์กร , แบรนด์ , Mascot
หรือบุคคลที่อยู่ไกลตัว ดูแล้วเข้าไม่ค่อยถึง
สังเกตได้จากเพจขายของ
ที่มีคนตามจำนวนเยอะ ๆ
แถมลูกค้าตัวยงก็มีเป็นโขยง
เจ้าของเพจมักเอาตัวเองออกมา
ให้เห็นหน้าค่าตา เห็นตัวตน
เรียกชื่อตัวเองให้ลูกค้าติดหู
ให้คนรู้สึกใกล้ชิด สัมผัสได้ เข้าถึงง่าย
มีเรื่องราว Story ของตัวเอง
ทั้งที่มาที่ไปจากจุดเริ่มต้น
จนมาถึงสิ่งที่ทำอยู่นี้
และบางทีรวมไปถึงอุดมการณ์
จุดมุ่งหมาย สิ่งที่ยึดมั่นว่าจะทำ
ทั้งหมดเรียกรวม ๆ ด้วยคำคุ้นหูที่ว่า
“มีตัวตน” นั่นแหละครับ
และการมีตัวตนของคุณ
จะยิ่งทวีน้ำหนักมากขึ้นไปอีก
ถ้าทำตามข้อ 2 เพิ่มเข้าไปด้วย
2. Share ให้เห็นชีวิตของคุณ
รู้อะไรไหมครับ
โดยธรรมชาติของคนเรานั้น
เมื่อเราสนใจติดตามใคร
เราก็อยากรู้จักเค้าให้มากขึ้นด้วย
ลูกค้าและผู้ติดตามของคุณ
ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันครับ
ดังนั้นเมื่อสร้างคุณเพจขึ้นมาขายของได้
คุณก็ต้องมีเฟสบุ๊คส่วนตัวด้วยอยู่แล้ว
ยิ่งถ้าคุณมีหน้าเฟสบุ๊ค
ที่ไม่เป็นแหล่งรวมขยะ บ่นเศรษฐกิจ
ด่าการเมือง สั่งสมเรื่องดราม่าส่วนตัว
แต่เต็มไปด้วยเรื่องที่จรรโลงใจ
แสดงความคิดที่ดี โฟกัสเรื่องงาน
โชว์ชีวิตในมุมอื่นที่น่าสนใจ
การ Tag หรือ Share เฟสบุ๊คส่วนตัว
มาให้เค้าได้เจอ ได้รู้ตัวตนตรงนั้นบ้าง
จะทำให้เค้าเชื่อถือวางใจในตัวคุณ
มากขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว
เพราะเรื่องพวกนี้มีผลจริง ๆ นะครับ
เหมือนอย่างข้อมูลที่ผมรู้มา
จากวงในลึก ๆ
ที่บอกว่าการขายของราคาสูง ๆ
ใน Marketplace ของเฟสุบ๊ค
อย่างเช่น รถยนต์ ราคาหลักแสนอัพ
จะสามารถขายได้ง่ายเป็นพิเศษ
ถ้าคนขายคนนั้นมีเฟสบุ๊คส่วนตัว
ที่น่าเชื่อถือ
เพราะคนซื้อจะส่องแล้วส่องอีก
จนแน่ใจได้ว่าคนนี้วางใจได้จริง ๆ
ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว
จะไม่เพิ่มน่าเชื่อถือให้ตัวคุณเอง
ด้วยวิธีนี้บ้างเหรอครับ ?
3. Live ให้สัมผัสตัวตน
การทำคลิปวิดีโอนั้นก็ดีนะครับ
แต่การ Live จะทำให้ผู้ติดตามและลูกค้า
เข้าถึงคุณได้มากกว่าและเร็วกว่าด้วย
เพราะสิ่งที่คลิปวิดีโอทำไม่ได้
ก็คือ “ความสด”
ที่คุณจะสามารถมีปฏิสัมพันธ์
พูดคุยโต้ตอบกันกับคนดู
ได้แบบ Real Time ณ เดี๋ยวนั้น
ให้ความรู้สึกว่าได้รับความสำคัญ
คล้าย ๆ กับการเจอกันต่อหน้า
ทำให้รู้สึกคุ้นเคยกันมากกว่า
เหมือนรู้จักกันมาก่อนหน้านี้
รู้สึกใกล้ชิดสนิทกันไปโดยปริยาย
ทั้งที่ไม่เคยเจอตัวจริงกันเลยด้วยซ้ำ
ซึ่งโอกาสที่คนเราจะอยากซื้อของ
จากคนใกล้ชิด ก็มีสูงกว่าซะด้วย
ก็ถ้าไม่เชื่อ ลองเช็คจากตัวเองดูก็ได้ครับ
ว่าคุณก็เป็นแบบนั้นไหม ?
4. สั่งสม “รีวิว” ไว้เป็นคลังแสง
รีวิวจำนวนมหาศาล
จะเป็นเครื่องยืนยันที่พิสูจน์ให้เห็นว่า...
ที่คุณพูดมา ทำมาทั้งหมดนั้น
มันจริงแค่ไหน
ยิ่งคุณกางแขน เปิดอก
เผยตัวเองให้คนเห็นถึงตัวตน
จุดมุ่งหมายและความตั้งใจ
เพื่อบอกออกไปว่า...
สามารถวางใจในตัวคุณได้
สามารถเชื่อถือในเพจของคุณได้
แล้วยิ่งตบหนัก ๆ ปิดท้าย
ด้วยข้อยืนยันจากลูกค้าเก่า
ว่ามันโคตรจะจริง
มาถึงตรงนี้ก็เหมือนกับ
การออกหมัดหนัก ๆ ที่กระแทก
ประตูหัวใจของลูกค้าได้สำเร็จครับ
............................
เมื่อไหร่ก็ตาม
ที่คุณมี Branding มี Trust
ในตัวตนของคุณอย่างชัดเจน
มันจะนำมาให้คุณซึ่ง
ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่
ผมบอกไปในทุกตัวอักษร
เพราะเมื่อคุณได้ขายในสิ่งที่ควรขาย
ให้กับลูกค้า ที่มากกว่าแค่ตัวสินค้า
จะทำให้ลูกค้ามั่นใจ
กล้าซื้อกับคุณมากกว่าของคู่แข่ง
ที่เค้าไม่เคยทำให้ครบแบบคุณครับ