วิธีวางแผนลงโฆษณา แบบไม่ละลายเงินทิ้ง


Blog Detail

 
การยิงโฆษณา ถือเป็นการลงทุน
เพื่อสร้างผลตอบแทนกลับมาให้ธุรกิจ
 
ซึ่งขึ้นชื่อว่า “การลงทุน”
ย่อมไม่ใช่การจ่ายออกไป
โดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องวางแผน
 
เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์
คือน้ำหล่อเลี้ยง และชี้เป็นชี้ตาย
ความอยู่รอดของธุรกิจ
 
ดังนั้นต่อให้คุณจะมีงบโฆษณา
เยอะสักเท่าไหร่ ก็ใช่ว่า
จะยิงทิ้งยิงขว้างแค่ไหนก็ได้
 
และเพื่อให้งบโฆษณาของคุณ
ไม่ถูกละลายออกไปโดยไม่คุ้มค่า
จึงควรวางแผนจัดสรรเงินที่มี
โดยโฟกัสที่ปัจจัยเหล่านี้เสมอครับ
 
 
1. “สื่อ” ที่โฟกัส
 
ผมเองในฐานะที่ปรึกษาการตลาด
เวลาจะวางแผนยิงโฆษณาให้ลูกค้า
จะต้องดูก่อนเสมอว่า...
 
ลูกค้ามีงบประมาณเดือนละเท่าไหร่ ?
เค้าใช้สื่ออะไรบ้าง ?
Facebook / Line@ / Instagram
 
จะเน้นสื่อไหนมากกว่ากัน ?
และจะลงงบกับอะไร เป็นสัดส่วนเท่าไหร่ ?
 
หรือแม้แต่บางคน
ที่มีสื่อทั้งหมดพร้อมอยู่แล้ว
แต่อยากจะเพิ่มสื่อเข้ามาอีกตัว
 
เช่น มีเพจหลักของบริษัทอยู่แล้ว
แต่อยากจะเพิ่มอีกเพจหนึ่ง
เพื่อกลยุทธ์ในเชิง Personal Brand
 
ผมก็ต้องถามอีกว่า
จะเน้นทำเงินกับสื่อเดิมตอนนี้ไหม ?
หรืออยากจะเร่งปั้นสื่อใหม่ให้มันติดเร็ว ๆ ?
 
เพราะผมจะได้จัดสรรงบ 70 – 80%
ใส่ลงไปกับตัวที่ลูกค้าต้องการโฟกัส
เป็นหลัก ณ ตอนนั้น
 
ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เห็นผลชัดเจน
มากกว่าการกระจายออกไปทุกตัว
แบบประปราย
 
ทั้งนี้ขึ้นกับจุดประสงค์ทางธุรกิจ
ในแต่ละช่วงเวลาเป็นหลักด้วยครับ
 
 
2. “ช่วงเวลา” ที่โฟกัส
 
ถ้าคุณยิงโฆษณาเป็นประจำทุกเดือน
ก็คงจะรู้ดีกว่า แต่ละช่วงเวลาของเดือน
ค่าโฆษณาจะถูกแพงไม่เท่ากัน
 
ช่วงปลายเดือนข้ามมาถึงต้นเดือน
ค่าโฆษณามักดีดตัวขึ้นไปแพง
 
เพราะเป็นช่วงที่เงินเดือนออก
คนมีเงินจับจ่าย ใครต่อใครจึงแย่งกัน
ยิงโฆษณาออกไปหาลูกค้าเหล่านั้น
 
ด้วยความที่เฟซบุ๊คเป็นระบบประมูล
เมื่อมี Demand ในการแย่งกันยิงโฆษณาสูง
ค่าโฆษณาจึงถีบตัวสูงตามไปด้วย
 
แม้ว่าค่าโฆษณาในช่วงเวลานี้จะแพง
แต่ในเมื่อลูกค้ากำลังมีเงิน
ยังไงคุณก็ควรเลือกที่จะยิงโฆษณาอยู่ดี
 
เพราะยอดขายที่จะโกยได้ในช่วงนี้
มันคุ้มค่าการลงทุนครับ
 
แล้วสำหรับในช่วงกลางเดือน
ที่ลูกค้าเงียบ ๆ ล่ะ ?
 
จังหวะนี้คนยิงโฆษณาจะน้อยลงเป็นเท่าตัว
แน่นอนว่าค่า Ad ก็ถูกแสนถูก
 
จึงถือเป็นช่วงที่คุณสามารถ
ใช้งบยิงโฆษณาเพื่อปั๊มฐานแฟนเพิ่มได้
 
เช่น ยิง Ad เพื่อทำกิจกรรม
ให้คนเข้ามามีส่วนร่วม และรับของรางวัล
 
ดังนั้นคุณต้องตั้งสัดส่วนของงบ
ที่จะใส่ลงไปในแต่ละช่วงของเดือนให้ดี ๆ
 
ให้ยอดขายช่วงต้น – ปลายเดือน
มีเข้ามาแบบเป็นกอบเป็นกำ
 
ให้ยอดผู้ติดตามช่วงกลางเดือนเพิ่มขึ้น
เป็นลูกค้าของคุณต่อไปในอนาคต
 
นี่ยังไม่รวมถึงการดูช่วงวันหยุดยาว
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปีใหม่
หรือแม้แต่ Mid Year Sale
คุณก็ต้องดูด้วยเหมือนกัน
 
เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อ
การตัดสินใจจับจ่ายของลูกค้าทั้งสิ้น
 
ถ้าจะเรียกว่า
“เวลา คือพ่อทุกสถาบันของจริง
ก็คงไม่ผิดครับ
 

3. “คอนเทนต์” ที่โฟกัส
 
เมื่อคุณทำเพจมาได้สักพัก
มีคอนเทนต์ออกมาหลายตัวแล้ว
 
จัดการเลือกตัวที่ผลตอบรับดีกว่าใครเพื่อน
อาจเอามายิงโฆษณาเทสต์ดูสัก 3 ตัว
เพื่อดูว่าตัวไหนที่หวังผลได้มากที่สุด
 
เมื่อได้ตัวที่ชนะเลิศแล้ว
ให้เอาเงินส่วนใหญ่สัก 70 – 80%
เทลงไปกับคอนเทนต์ตัวนั้น
เพื่อดันมันออกไปให้สร้างยอดขายได้สูงที่สุด
 
..................................
 
การวางแผนเรื่องการยิงโฆษณา
คุณสามารถวางได้ทั้ง 3 ระดับ
 
ตั้งแต่ระดับสื่อที่ใช้ทั้งหมด
ระดับช่วงเวลาที่จะลงโฆษณา
และระดับคอนเทนต์ที่เป็นตัวทำเงิน
 
โดยขึ้นกับ Stage ของธุรกิจในแต่ละช่วง
 
ซึ่งคนที่ทำยอดขาย
ไปแตะได้ถึงสิบล้าน ร้อยล้าน
เค้าก็วางแผนแบบนี้กันทั้งนั้น
 
แล้วมันเรื่องอะไรที่คุณจะไม่ทำบ้างล่ะครับ ?