​5 วิธีลดต้นทุนค่า Ads แพง I SALESARM


Blog Detail

จริง ๆ ยังเป็นเรื่อง Hot อยู่
สำหรับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของ Newsfeed ในเฟซบุ๊ก
ที่จะทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ตาเหลือก 
เพราะต้องเปย์เงินยิง Ads มากขึ้น
(จริง ๆ เหมือนปรับมาสักพักแล้ว)

คำถามก็คือเราจะพอแก้ไขปัญหานี้ได้ยังไงบ้าง ทั้งระยะสั้น และระยะยาว 

วันนี้ผมมีวิธีให้ 5 วิธี ที่จะช่วยลดต้นทุนค่า Ads แพงเอาไว้ดังนี้ครับ
 
1) ลดค่า Ads เอามาโปะ Influencer
จริงอยู่ว่าเราซื้อ Ads เพื่อต้องการ Reach ที่มากขึ้น
แต่การขยาย Reach ให้มากขึ้น 
ไม่ใช่มีแต่การซื้อ Ads โดยตรงจากเฟซบุ๊ก
แค่ใครสักคนมาช่วยโพสต์ก็เป็น Reach หลัก 10,000 ได้เหมือนกัน

สมัยนี้มี Micro Influencer เป็นพัน ๆ คน
บางคนมี Follower แค่ 7-8 พัน 
แต่ทุกวันนี้ไม่มีโพสต์ไหน Like ต่ำกว่าพัน 
ถ้าเราเลือก Influencer ให้ถูกกับ Position ของแบรนด์
เราก็สามารถเพิ่ม Reach ของโพสต์นั้น ๆ ได้ 

การใช้ Influencer อย่าง Blogger ดารา นักแสดง
ไม่ใช่เรื่องผิด อยู่ที่ดีลกันได้ในราคาเท่าไหร่เท่านั้นเอง 
ยิ่งบางคนถ้าเวิร์กสำหรับแบรนด์เรา ผูกกันยาว ๆ
ก็อาจจะได้ราคาที่น่าพอใจกว่าค่า Ads ครับ 

2) ลดค่า Ads เอามาโปะ Free Marketing 

เราลองนึกภาพดูว่า  ถ้า Starbucks ลดราคา 50% เพียงวันเดียว
มีให้คนละ 1 สิทธิ์  คนจะต่อแถวยาวไปถึงไหน
คนจะวิ่งเข้าหาแบรนด์แค่ไหน (แค่จัด 1 แถม 1 แถวก็ยาวจะแย่แล้ว)

นั่นละครับ สิ่งที่ผมจะอธิบายต่อว่า
สมมติเราตั้งงบไว้ว่าจะยิง Ads ใส่ Sales Content A  สัก 5,000 บาท 
เราอาจจะลดค่า Ads ลงสัก 2,000 บาท 
แต่เพิ่มกิจกรรมแชร์+แจกสินค้าลงไป
หรืออัดโปรเข้าไปในสินค้าให้มากขึ้น
เพื่อเพิ่มแรงแม่เหล็กให้กับ Content นั้น ๆ 

ถ้าขยายให้เห็นเป็นตัวเลขก็เช่น  งบรวม 5,000 บาท
a) ค่า Ads = 3,000 บาท
b) Free Marketing = 2,000 บาท 
การมองเห็น x แรงดึงดูด  ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
ในเมื่อการมองเห็นแพงขึ้น (Reach)
เราก็ใช้วิธีอัดฉีดคืนกำไรให้กับลูกค้ามากขึ้น
เพื่อทดแทนจำนวนมองเห็นที่ลดลงได้ครับ 

3) ลากลูกค้ามาลงสื่ออื่น 

เราต้องจริงจังกับการเก็บฐานลูกค้าลงสื่ออื่น
อย่างเช่น LINE @, Line group  หรือ Website ของเรา 
ฐานลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าของเรา 1 คน
มีค่ามากกว่ากลุ่มมุ่งหวังเป็น 100 เท่าครับ 
ดังนั้น Contact List ต้องเก็บอย่างดี 
จะเอาไปใช้ต่อด้วย Line Broadcast, SMS, Email, Telesales
ก็ว่ากันไปครับ  แต่อย่าทิ้งรายชื่อลูกค้า
โดยเฉพาะลูกค้าที่จ่ายเงินให้เรา  เพราะเราต้องเสียเงินไปเท่าไหร่ 
กว่าจะได้ลูกค้ามา 1 คน 
อย่างน้อยเค้าก็รู้จักแบรนด์ของเราแล้ว
อย่างน้อยเค้าเคยเชื่อใจซื้อสินค้าของเรา
ห้ามทิ้งคนเหล่านี้เด็ดขาดครับ 

4) โฟกัสเฉพาะ Sales Content ที่ทำเงิน

อย่าไปคิดว่าเราจำเป็นต้องปั้นฐานแฟนก่อนขายของเสมอไป
คุณสามารถขายตั้งแต่โพสต์แรกได้เลย
เพราะเราวัดได้-เสียกันตรงนั้น
ไม่จำเป็นต้องรอลุ้นว่าเค้าเห็น Value Content
แล้วจะเห็น Sales Content หรือเปล่า 
การบิ๊วต์ทิ้งไว้ แล้วไม่ได้ Take ยอดขาย
ก็เหมือนปลูกส้ม แล้วปล่อยให้มันเน่าคาต้น 

ถ้าคุณไม่ใช่สาย Influencer  ผมขอยืนยัน 1,000,000% 
ว่าคุณขายของอย่างเดียว
เล่นขายมันทุกโพสต์ ลูกค้าก็ซื้อครับผม 
ใครบอกว่าลูกค้ากลัวโดนขายของ
ลูกค้าเค้าก็จ่ายเงินกันทุกวันนั่นแหละ
มันอยู่ที่ Content ของเรา ว่าทำโดน-ไม่โดนต่างหาก 

5) โฟกัสอัปเซลส์กับลูกค้าทุกคน

ค่า Ads ที่แพงทำให้ต้นทุนต่อ 1 การทักแชตแพงขึ้น
แต่ยังไม่ต้องหวั่นใจ ถ้าคุณเทพในการปิดการขายในแชต
ลูกค้าตั้งใจซื้อ 500 แต่กลับโอน 1,500 ด้วยรอยยิ้ม
Admin ที่ดีต้องเป็นนักขายชั้นยอด
มันก็แค่เปลี่ยนจากพูดเป็นพิมพ์
แต่ถ้าเราโฟกัสการขายใน Chat
เราจะสามารถลดต้นทุนค่าการตลาดได้อย่างมหาศาล
เพราะเราสามารถทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
โดยเสียต้นทุนในการลากลูกค้าน้อยลงนั่นเองครับ