วิธีจับสังเกตสิ่งใหม่ ให้คว้าโอกาสได้ทุกเศรษฐกิจ
ผมว่าการมาของ Covid-19
เตือนอะไรเราได้หลายอย่าง
โดยเฉพาะเรื่องของ
“ความไม่แน่นอน”
ซึ่งจากนี้ไปคงจะตั้งเป้ายอดขาย
แบบชิวไปเรื่อย ๆ ไม่น่าได้อีกแล้ว
คงต้องคิดให้มากขึ้น
เผื่ออะไรให้เยอะขึ้น
ทั้งสถานการณ์ที่พร้อมพลิกเสมอ
เศรษฐกิจที่ถดถอยแบบไม่ทันตั้งตัว
หรือ Disruption อีกต่าง ๆ นานา
ดังนั้นหาก “ความหูไว ตาไว”
ไปฝังอยู่ในตัวใครซะแล้ว
ถือเป็นความเปรียบของคนนั้น
ซึ่งผมจึงอยากให้มัน
เข้าไปฝังอยู่ในตัวคุณบ้าง
อย่างน้อยก็เริ่มจาก
การเป็นคนช่างสังเกต
จับตาสิ่งใหม่ ๆ เหล่านี้อยู่เสมอครับ
1. พฤติกรรมใหม่
เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน
สภาพแวดล้อมเปลี่ยน
พฤติกรรมคนย่อมเปลี่ยนตาม
ไม่ว่าคนจะออกบ้านน้อยลง
หรือออกทีก็จับจ่ายหนัก ๆ
ไปเลยรอบเดียว
ไม่ว่าจะใช้เงินน้อยลง
หรือโฟกัสใช้เงินกับสิ่งที่
ต้องใช้ก่อน ณ ตอนนั้น
ไม่ว่าจะเปลี่ยนช่องทาง
ในการซื้อของใหม่ ๆ
เปลี่ยนช่องทางการเสพสื่อใหม่ ๆ
หาวิธีคลายเครียดใหม่ ๆ
ทุกสิ่งครอบจักรวาลเหล่านี้
คุณต้องตามลูกค้าให้ทัน
มันจะทำให้เราพยากรณ์ได้เลยว่า
ต่อไปพฤติกรรมลูกค้าน่าจะเทไปทางไหน
เพื่อจะได้หาแผนการไปรองรับยอดขาย
จากตรงนั้นได้ยังไงล่ะครับ
2. สินค้าแตกไลน์ใหม่
“เทรนด์การบริโภค”
ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในช่วง
เศรษฐกิจกำลังบูมเท่านั้น
แม้ช่วงที่ดูนิ่ง ๆ
ผู้คนก็ยังต้องกินต้องใช้อยู่ดี
เพียงแต่อาจเคลื่อนตัว
จากสิ่งหนึ่งไปยังอีกสิ่งหนึ่งแทน
หลายธุรกิจกลับกลายเป็น
ขายดียิ่งกว่าเดิม
เป็นเท่าตัวเลยก็มี
หลายธุรกิจแตกไลน์สินค้า
ยอมเลี่ยงจากสินค้าเก่าที่เงียบ
เปิดทางให้สินค้าใหม่ที่กำลังมา
ตามสถานการณ์
ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง
ก็ยังเบนเข็มทำอาหารตามสั่ง
ก็มีให้เห็นเป็น Case Study
แบรนด์แฟชั่นอีกหลายเจ้าก็ออกสินค้า
ออกแคมเปญที่เข้ากับการป้องกัน
การแพร่ระบาดกันถ้วนหน้า
ดังนั้นอย่าเอาแต่ยึดติด
กับความสำเร็จของสินค้าตัวเดิม
เพราะการเปิดใจ ปรับตัว เปลี่ยนแนว
ก็เปิดโอกาสใหม่ให้คุณได้เสมอครับ
3. แพลตฟอร์มใหม่
อย่าว่าแต่การปรับบทบาท
จากที่ขายหน้าร้าน
มาเป็นออนไลน์เลยครับ
ผมว่าคนส่วนใหญ่
แม้ไม่เคยขายออนไลน์
ก็คงรู้ซึ้งกันแล้ว
ในขณะที่ใครเคยขายออนไลน์
เป็นฐานที่มั่นหลักอยู่แล้ว
ก็ต้องรู้จักปรับจูนเข็มทิศ
มองตามกระแสที่เกิดขึ้น
เกี่ยวกับแพลตฟอร์มตัวอื่นด้วย
เพราะคนเราไม่มีวันหยุดนิ่ง
ลูกค้าก็ไม่อยู่ติดที่เดิมตลอดแน่นอน
ดูอย่าง Tiktok สิครับ
นอกจากจะคว้าใจคน
ไปใช้งานเป็นล้านแล้ว
ยังกลายเป็นแพลตฟอร์ม
ทำการตลาด ขายของ
ทำเงินได้เป็นล้านเช่นกัน
4. ลูกค้ากลุ่มใหม่
ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหน
ก็ยังคงมี “คนมีเงิน” อยู่เสมอ
ที่ผมจะพูดอาจฟังดูสวนทาง
กับเศรษฐกิจภาพรวมในสายตาคน
เพราะมันมีสภาพคล่องในภาพย่อย
ของคนบางกลุ่มที่คนส่วนใหญ่มองข้าม
คนบางกลุ่มกำลังซื้อยังมีสูง
เพียงแต่ไม่มีสถานที่ให้จับจ่าย
คนบางกลุ่มอยากใช้จ่าย
แต่ร้านรวงปิดกันหมด
หรือแม้แต่บางกลุ่มที่พร้อมจ่าย
ให้กับบางเรื่องที่เค้าเต็มใจ
แต่ไม่มีใครมอบอุปทาน
มาสนองตอบอุปสงค์
ดังนั้นถ้าวิธีเดิมที่คุณทำ
กับลูกค้ากลุ่มเดิม
แล้วยังไม่ค่อยให้ผล
ทำไมไม่ลองย้ายตัวเอง
ไปหากลุ่มลูกค้าที่ใช่ล่ะครับ
ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนไปเลย
แม้สิ่งแวดล้อมอาจกระทบเรา
แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะขยับตัว
ทำอะไรไม่ได้เลย
เพราะไม่งั้นคงไม่มีคำว่า
“ในทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ”
ถ่ายทอดมาให้เราฟังหรอกครับ
ซึ่งข่าวดีก็คือ คนที่เห็นโอกาส
มักมีเปอร์เซ็นต์จำนวนน้อย
แล้วถ้าคุณหัดจับสังเกต
ใช้ความพยายามเข้าไปหา
ในสิ่งที่น้อยคนเห็น
โอกาสนั้นแทบจะไม่มีใคร
เข้ามาคว้าทันคุณเลยล่ะครับ