ผมอยากบอกว่า " ความมั่นใจ " สร้างได้
สำหรับ "คนขี้อาย"กล้อง
ผมเข้าใจว่าการเริ่มพูดต่อหน้าคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งจะต้องนำเสนอสินค้า/บริการของตัวเองด้วยแล้ว
ทั้งต้องจำรายละเอียด ทั้งต้องพูดให้น่าสนใจ
ทั้งต้องจำบทเปิดบทปิด หลาย ๆ คนเลยไม่ได้เริ่มสักที
แต่ในเมื่อการพูดมันเป็นทักษะ
เราจึงไม่สามารถเก่งได้โดยการศึกษาหลักการได้เลย
วันนี้ผมเอาเทคนิคที่จะช่วยให้การนำเสนอหน้ากล้อง
ครั้งแรกเป็นไปได้ด้วยดีมากฝากครับ
1 ) ซ้อมสคริปสั้น ๆ
ทุกคนที่เริ่มพูดหน้ากล้องใหม่ ๆ
จะกังวลว่า ไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะหมอ
เอ่า ก็พูดเท่าที่จำเป็นสิครับผม
ลำดับการพูดขายสินค้ามันไม่ได้ยากเลย
เริ่มด้วยปัญหา ตามด้วย Solution
เสริมด้วยจุดเด่น วางราคา
ตบด้วย Promotion
แต่สคริปจริงอาจจะต้องมีการเกริ่นนำเข้าเรื่อง
แต่ก็นั่นละครับ ไม่ต้องพูดยาว แต่จงลำดับให้แม่น
จากประสบการณ์ขายกว่า 8 ปี
ผมบอกได้เลยว่า ยอดขายกี่ล้าน
แค่ 4-5 นาที สามารถนำเสนอสินค้าจบ
แบบครบถ้วนได้แน่ ๆ
ลองเขียนสคริปขึ้นมา แล้วเล่าจากอันนั้น
เหมือนกับเล่าเรื่องชาวบ้านเลย
(ไม่ต้องพูดตามเป๊ะ ๆ)
และการซ้อมแบบเกินความจำเป็น
นั่นละครับ มันช่วยลดความตื่นเต้นได้ดีมาก
ซ้อมให้แม่นกว่าเนื้อเพลงโปรด
แล้วคนฟังจะโปรดปรานการนำเสนอของเราครับ
2 ) อ่านจุดเด่นของสินค้าก่อนพูด
ข้อนี้ผมใช้ผ่านด่านอรหันต์ในงานขายบ่อยมาก
เพราะก่อนที่จะถึงเวลาพูดนำเสนอ
คนส่วนใหญ่จะมักโฟกัสแต่
ผลจะเป็นไงว้า
จะมีคนเข้ามาดูถึง 10 คนไหม
เราจะพูดผิดไหม
ซึ่งการพูดผิดไปบ้าง
ไม่ร้ายแรงเท่าพูดไป สั่นไป
หรือพูดแบบเฉื่อย ๆ น่าหลับคาห้อง
3 ) แต่งตัวจัดเต็ม
ข้อนี้งานรัชดาลัยก็มา
เพราะการพูดที่ดีต้องมีการแสดงประกอบเสมอ
และสิ่งที่แสดงออกได้ดีทั้งกับทั้งตัวเรา
และตัวคนฟังก็คือ ...
“เครื่องแต่งตัว” ของเรานี่แหละ
แต่งเว่อร์ ยังดีกว่าแต่งน้อยเกินไป
(หมายถึงเวลาออกงานนะจ้ะ)
เพราะการแต่งตัว
มันเป็นหลักฐานในการเตรียมตัวดีอย่างหนึ่ง
แถมยังเพิ่มความน่าเชื่อถือ
และไฮไลท์ "คาแรคเตอร์" ของเราให้ชัดเจนขึ้น
และนอกจากนั้นประโยชน์ของการแต่งเต็มก็คือ
ลักษณะการแต่งตัวส่งผลโดยตรง
ต่อการพูดของเรามหาศาลครับ
อย่างการคุยโทรศัพท์เรื่องสำคัญ
ต้องมีเงินหรือยอดขายมาเกี่ยวข้อง
อย่าแต่งชุดนอนคุยเด็ดขาด
เราจะกลายเป็นขนมสาคูให้อีกฝั่งเคี้ยวแน่นอน
ดังนั้นการแต่งตัวจะช่วยเสริมความมั่นใจได้ระดับนึง
อย่างน้อยถ้าเขาฟังไม่รู้เรื่องกัน
ก็ดูความสวย (หล่อ) ของเราไปแล้วกัน !!!
4 ) หาคนมานั่งฟังสิ
ผมเข้าใจดีสุด ๆ ว่าพูดกับกล้อง
กับพูดให้คนฟังมันแตกต่างกันมาก
เพราะ Reaction ที่เกิดขึ้นจากคนที่อยู่ตรงหน้า
มันทำให้เรามีไฟ คึกคักที่จะพูดต่อ
แบบออกรสออกชาติ
ดังนั้นก็ไปลากใครสักคน
ที่จะยอมฟังเราพูดได้จนจบ live หรือคลิป
เป็นการสร้างสถานการณ์เหมือนจริง
ให้เราพูดได้ดีขึ้นครับ
หรืออีกแบบก็คือหาคนมานั่งสัมภาษณ์
การคุยกันมักจะเป็นธรรมชาติกว่าพูดคนเดียวเสมอ
เราไม่จำเป็นต้องขายความ Perfect อะไรขนาดนั้น
แต่เราต้องขายความเรียล
"ความจริง" คือสิ่งที่โลกออนไลน์ต้องการครับ
5 ) โฟกัสกับความคิดที่จำเป็น
เรามาเพื่อมอบสิ่งที่ควรค่าแก่การฟัง
ความบกพร่องใด ๆ ในการพูดหรือนำเสนอ
เป็นเพียงสิ่งที่เราต้องฝึกฝนต่อไป
เราต้องวางความคิดให้ถูกที่
โฟกัสเรื่องที่จำเป็น ณ ขณะนั้น
นั่นคือ Keyword หรือลำดับในการนำเสนอ
(ลำดับในการนำเสนอโคตรรรรสำคัญ)
อย่าลืมว่าเรามีได้เพียง 1 อารมณ์หลัก
ในแต่ละช่วงเวลา โฟกัสให้ถูกต้อง
มันจะออกมาดีเองครับ
ผมขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่พยายามลากตัวเอง
มาอยู่หน้ากล้องนะครับ มันไม่ง่ายหรอก
แต่มันจำเป็นมาก
ดังนั้นขอให้ฝึกฝน
ลงมือซ้ำ ๆ จนกว่าเราจะก้าวข้ามผ่านมันมาครับ
แล้วคุณจะรู้สึกดีที่พยายามพูดนำเสนอตัวเองให้เป็น
สำหรับ "คนขี้อาย"กล้อง
ผมเข้าใจว่าการเริ่มพูดต่อหน้าคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งจะต้องนำเสนอสินค้า/บริการของตัวเองด้วยแล้ว
ทั้งต้องจำรายละเอียด ทั้งต้องพูดให้น่าสนใจ
ทั้งต้องจำบทเปิดบทปิด หลาย ๆ คนเลยไม่ได้เริ่มสักที
แต่ในเมื่อการพูดมันเป็นทักษะ
เราจึงไม่สามารถเก่งได้โดยการศึกษาหลักการได้เลย
วันนี้ผมเอาเทคนิคที่จะช่วยให้การนำเสนอหน้ากล้อง
ครั้งแรกเป็นไปได้ด้วยดีมากฝากครับ
1 ) ซ้อมสคริปสั้น ๆ
ทุกคนที่เริ่มพูดหน้ากล้องใหม่ ๆ
จะกังวลว่า ไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะหมอ
เอ่า ก็พูดเท่าที่จำเป็นสิครับผม
ลำดับการพูดขายสินค้ามันไม่ได้ยากเลย
เริ่มด้วยปัญหา ตามด้วย Solution
เสริมด้วยจุดเด่น วางราคา
ตบด้วย Promotion
แต่สคริปจริงอาจจะต้องมีการเกริ่นนำเข้าเรื่อง
แต่ก็นั่นละครับ ไม่ต้องพูดยาว แต่จงลำดับให้แม่น
จากประสบการณ์ขายกว่า 8 ปี
ผมบอกได้เลยว่า ยอดขายกี่ล้าน
แค่ 4-5 นาที สามารถนำเสนอสินค้าจบ
แบบครบถ้วนได้แน่ ๆ
ลองเขียนสคริปขึ้นมา แล้วเล่าจากอันนั้น
เหมือนกับเล่าเรื่องชาวบ้านเลย
(ไม่ต้องพูดตามเป๊ะ ๆ)
และการซ้อมแบบเกินความจำเป็น
นั่นละครับ มันช่วยลดความตื่นเต้นได้ดีมาก
ซ้อมให้แม่นกว่าเนื้อเพลงโปรด
แล้วคนฟังจะโปรดปรานการนำเสนอของเราครับ
2 ) อ่านจุดเด่นของสินค้าก่อนพูด
ข้อนี้ผมใช้ผ่านด่านอรหันต์ในงานขายบ่อยมาก
เพราะก่อนที่จะถึงเวลาพูดนำเสนอ
คนส่วนใหญ่จะมักโฟกัสแต่
ผลจะเป็นไงว้า
จะมีคนเข้ามาดูถึง 10 คนไหม
เราจะพูดผิดไหม
ซึ่งการพูดผิดไปบ้าง
ไม่ร้ายแรงเท่าพูดไป สั่นไป
หรือพูดแบบเฉื่อย ๆ น่าหลับคาห้อง
3 ) แต่งตัวจัดเต็ม
ข้อนี้งานรัชดาลัยก็มา
เพราะการพูดที่ดีต้องมีการแสดงประกอบเสมอ
และสิ่งที่แสดงออกได้ดีทั้งกับทั้งตัวเรา
และตัวคนฟังก็คือ ...
“เครื่องแต่งตัว” ของเรานี่แหละ
แต่งเว่อร์ ยังดีกว่าแต่งน้อยเกินไป
(หมายถึงเวลาออกงานนะจ้ะ)
เพราะการแต่งตัว
มันเป็นหลักฐานในการเตรียมตัวดีอย่างหนึ่ง
แถมยังเพิ่มความน่าเชื่อถือ
และไฮไลท์ "คาแรคเตอร์" ของเราให้ชัดเจนขึ้น
และนอกจากนั้นประโยชน์ของการแต่งเต็มก็คือ
ลักษณะการแต่งตัวส่งผลโดยตรง
ต่อการพูดของเรามหาศาลครับ
อย่างการคุยโทรศัพท์เรื่องสำคัญ
ต้องมีเงินหรือยอดขายมาเกี่ยวข้อง
อย่าแต่งชุดนอนคุยเด็ดขาด
เราจะกลายเป็นขนมสาคูให้อีกฝั่งเคี้ยวแน่นอน
ดังนั้นการแต่งตัวจะช่วยเสริมความมั่นใจได้ระดับนึง
อย่างน้อยถ้าเขาฟังไม่รู้เรื่องกัน
ก็ดูความสวย (หล่อ) ของเราไปแล้วกัน !!!
4 ) หาคนมานั่งฟังสิ
ผมเข้าใจดีสุด ๆ ว่าพูดกับกล้อง
กับพูดให้คนฟังมันแตกต่างกันมาก
เพราะ Reaction ที่เกิดขึ้นจากคนที่อยู่ตรงหน้า
มันทำให้เรามีไฟ คึกคักที่จะพูดต่อ
แบบออกรสออกชาติ
ดังนั้นก็ไปลากใครสักคน
ที่จะยอมฟังเราพูดได้จนจบ live หรือคลิป
เป็นการสร้างสถานการณ์เหมือนจริง
ให้เราพูดได้ดีขึ้นครับ
หรืออีกแบบก็คือหาคนมานั่งสัมภาษณ์
การคุยกันมักจะเป็นธรรมชาติกว่าพูดคนเดียวเสมอ
เราไม่จำเป็นต้องขายความ Perfect อะไรขนาดนั้น
แต่เราต้องขายความเรียล
"ความจริง" คือสิ่งที่โลกออนไลน์ต้องการครับ
5 ) โฟกัสกับความคิดที่จำเป็น
เรามาเพื่อมอบสิ่งที่ควรค่าแก่การฟัง
ความบกพร่องใด ๆ ในการพูดหรือนำเสนอ
เป็นเพียงสิ่งที่เราต้องฝึกฝนต่อไป
เราต้องวางความคิดให้ถูกที่
โฟกัสเรื่องที่จำเป็น ณ ขณะนั้น
นั่นคือ Keyword หรือลำดับในการนำเสนอ
(ลำดับในการนำเสนอโคตรรรรสำคัญ)
อย่าลืมว่าเรามีได้เพียง 1 อารมณ์หลัก
ในแต่ละช่วงเวลา โฟกัสให้ถูกต้อง
มันจะออกมาดีเองครับ
ผมขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่พยายามลากตัวเอง
มาอยู่หน้ากล้องนะครับ มันไม่ง่ายหรอก
แต่มันจำเป็นมาก
ดังนั้นขอให้ฝึกฝน
ลงมือซ้ำ ๆ จนกว่าเราจะก้าวข้ามผ่านมันมาครับ
แล้วคุณจะรู้สึกดีที่พยายามพูดนำเสนอตัวเองให้เป็น